ฟิทช์คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวธนาคารแห่งประเทศจีน (ไทย) ที่ 'AAA(tha)' / แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

09 Sep 2022

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารแห่งประเทศจีน (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ BOCT ที่ 'AAA(tha)' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ 'F1+(tha)' โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตพิจารณาจากปัจจัยสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น: อันดับเครดิตภายในประเทศของ BOCT มีปัจจัยการพิจาณาอันดับเครดิตมาจากการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น ซึ่งคือ Bank of China (Hong Kong) Limited (BOCHK; 'A'/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ/a) โดยฟิทช์เชื่อว่ามีโอกาสสูงมากที่ BOCT จะได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษที่นอกเหนือจากในการดำเนินงานปรกติ (extraordinary support) จากธนาคารแม่ในกรณีที่มีความจำเป็น

อันดับเครดิตภายในประเทศของ BOCT ยังพิจารณาถึงโครงสร้างเครดิตของธนาคารที่มีปัจจัยสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นเปรียบเทียบกับธนาคารและบริษัทอื่นในประเทศไทย อันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารที่ 'AAA(tha)' เป็นอันดับเครดิตที่มีโอกาสการผิดนัดชำระหนี้ที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารและบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ จากความสามารถและโอกาสในการให้การสนับสนุนจากธนาคารแม่

มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อกลุ่ม: ฟิทช์มองว่า BOCT มีสถานะเป็นธนาคารลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อ BOCHK แม้ BOCT จะยังคงเป็นธนาคารขนาดเล็กในประเทศไทย แต่ BOCT สนับสนุนเครือข่ายธุรกิจของธนาคารแม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคและยังมีการเติบโตเพิ่มขึ้นของปริมาณการค้าและการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับประเทศจีน กลยุทธ์ในการดำเนินงานของ BOCT มีความสอดคล้องกับกลยุทธ์ของธนาคารแม่ ซึ่งน่าจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเครื่อข่ายธุรกิจในภูมิภาค การร่วมมือในการดำเนินงานที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถในการแข็งขัน

มีการผสานการดำเนินงานกันอย่างใกล้ชิดกับกลุ่ม: BOCHK มีสัดส่วนการถือหุ้นในธนาคารลูกที่ 99.99% และยังมีการใช้ชื่อและสัญลักษณ์ทางการค้าร่วมกันกับธนาคารแม่ BOCHK ควบคุมการบริหารงานของธนาคารผ่านคณะกรรมการธนาคารและการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง อีกทั้งการดำเนินงานและนโยบายการบริหารสภาพคล่องและความเสี่ยง รวมทั้งกระบวนการทำงานของ BOCT ยังมีความสอดคล้องกันอย่างมากกับของ BOCHK และธนาคารแม่ยังให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านการดำเนินงานและด้านการเงิน เช่น การรวมศูนย์ธุรกรรมของบางหน่วยงานไปไว้ที่ธนาคารแม่ (centralized function) และการมีวงเงินกู้ระหว่างธนาคารกับธนาคารแม่

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตภายในประเทศของ BOCT อาจถูกปรับลดอันดับได้ หากความสามารถในการให้การสนับสนุนบริษัทลูกของ BOCHK ปรับตัวลดลง ซึ่งอาจสะท้อนได้จากการปรับลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ BOCHK แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์จะพิจารณาความแข็งแกร่งโครงสร้างเครดิตของ BOCT เปรียบเทียบกับธนาคารและบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศจากฟิทช์ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้อันดับเครดิตของ BOCT อาจถูกปรับลดอันดับ หากฟิทช์มองว่ามีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของโอกาสที่ธนาคารแม่จะให้การช่วยเหลือสนับสนุนแก่ BOCT ซึ่งอาจบ่งชี้ได้จากการที่ BOCHK ลดสัดส่วนการถือหุ้นใน BOCT ลงต่ำกว่า 75% (และมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นส่วนน้อย (minority shareholder) ในระดับที่มีนัยสำคัญ) พร้อมทั้งมีอำนาจลดลงในการควบคุมการบริหารจัดการ และมีสัญญาณบ่งชี้ว่าการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารแม่จะปรับตัวลดลง แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์ไม่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงของโอกาสที่ธนาคารแม่จะให้การสนับสนุนแก่ BOCT ในระยะสั้นถึงระยะปานกลาง

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตของ BOCT เป็นอันดับเครดิตที่อยู่ในระดับสูงสุด จึงไม่มีปัจจัยใดที่อาจทำให้อันดับเครดิตได้รับการปรับเพิ่ม

อันดับเครดิตที่เชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น
อันดับเครดิตของ BOCT มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตสากลของ BOCHK

รายละเอียดของอันดับเครดิตมีดังต่อไปนี้:
BOCT:

  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'AAA(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F1+(tha)'