ต้นทุนพลังงานไฟฟ้า (Utilities of Digital World) โอกาสหรือความท้าทาย? พาไทยสู่ "ดิจิทัลฮับ" ในอาเซียน

19 Jul 2022

จังหวะที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังฟื้นตัวจากโควิดและการเร่งระดมปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัลรอบด้านของภาครัฐและเอกชนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจทุกรูปแบบ สองปัจจัยนี้กำลังผลักดันให้ประเทศไทยเดินหน้าเข้าใกล้สู่การเป็น Digital Hub ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากยิ่งขึ้นได้จริงหรือ? จากรายงาน e-Conomy SEA Report 2021 ฉบับล่าสุด จัดทำโดย Google, Temasek และ Bain & Company ระบุว่าภายในปี 2568 ประเทศไทยจะมีมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลสูงถึง 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีขนาดเศรษฐกิจดิจิทัลใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคอาเซียน ประกอบกับเทรนด์การดำเนินธุรกิจที่เน้นความยั่งยืน หรือ ESG (Environment, Social, Governance) ได้กลายเป็นปัจจัยพื้นฐานสำหรับขับเคลื่อนระบบนิเวศดิจิทัลพร้อมดึงดูดการลงทุนใหม่ ๆ

ต้นทุนพลังงานไฟฟ้า (Utilities of Digital World) โอกาสหรือความท้าทาย? พาไทยสู่ "ดิจิทัลฮับ" ในอาเซียน

ประเทศไทยกับการเป็น Digital Hub คือสิ่งที่เป็นจริงได้

ข้อมูลจากรายงาน Thailand Internet User Behavior 2021 ของ ETDA ตอกย้ำให้เห็นว่าคนไทยอยู่กับโลกออนไลน์อย่างจริงจัง ตามสถิติล่าสุดเฉลี่ยถึงวันละ 10 ชั่วโมง 36 นาที ในขณะที่ภาคธุรกิจและผู้ประกอบการต่างหันมาทำ Digital Transformation รับมือต่อการเปลี่ยนแปลงจากผลกระทบของโควิดหลากหลายมิติ ตลาดที่เห็นได้ชัดเจน คือ e-Commerce ที่มีการแข่งขันดุเดือดและภาคการเงินที่เร่งพัฒนาบริการดิจิทัลมากมาย สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าประเทศไทยกำลังเดินไปอยู่ยุค Digital First อย่างแท้จริง ประกอบกับการบังคับใช้ของกฎหมาย PDPA ที่แม้ในช่วงแรกจะต้องให้ความรู้ความเข้าใจกับประชาชน ผู้ประกอบการ รวมถึงผู้ใช้กฎหมายด้วย แต่มั่นใจว่าในอนาคตจะเป็นกลไกสำคัญที่นำพาธุรกิจและผู้ประกอบการไทยไปแข่งขันในระดับสากลได้

อีกทั้งจุดเด่นทางด้านภูมิศาสตร์และทำเลที่ตั้งที่ประเทศไทยอยู่ในจุดศูนย์กลางของภูมิภาคฯ บวกกับนโยบายการสนับสนุนจากภาครัฐและการมุ่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลระดับประเทศจากหลายภาคส่วน อาทิ เครือข่าย 5G เทคโนโลยีคลาวด์ หรือการจัดตั้งศูนย์ข้อมูล (Data Center) ทำให้ Digital Hub ระดับภูมิภาคไม่ไกลเกินจริง

"ต้นทุนพลังงานไฟฟ้า" คือ ความท้าทายที่เปลี่ยนเป็นโอกาสได้ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกัน

การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ "เศรษฐกิจดิจิทัล" ล้วนมีต้นทุนแฝงอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนแรงงานที่ยังต้องเร่งพัฒนาทักษะดิจิทัล ต้นทุนของการวางโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเครือข่ายและอื่น ๆ อีกมากมาย

ไม่ต่างจากการก้าวเข้าไปริเริ่มหรือทำธุรกิจด้วยไอเดียใหม่ ๆ ซึ่งต้องคำนึงถึงต้นทุนเป็นสำคัญเสมอ สำหรับ "ต้นทุนพลังงานไฟฟ้า" ถือเป็น Utilities of Digital World (สาธารณูปโภคแห่งโลกดิจิทัล) ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการใช้ขับเคลื่อนเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อใช้ดำเนินธุรกิจ

แท้จริงแล้ว "พลังงานไฟฟ้า" เป็นทั้งโอกาสและความท้าทายในการพัฒนาระบบนิเวศดิจิทัลของประเทศที่ส่งผลกระทบชิ่งต่อ ๆ กันเป็นลูกโซ่ นอกจากพลังงานไฟฟ้าจะเป็นตัวกำหนดทิศทางทางเศรษฐกิจใหม่แล้ว ยังเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ อย่าง Data Center ที่ใช้พลังงานอย่างมหาศาลเพื่อรัน Facilities ให้กับธุรกิจต่าง ๆ ข้อมูลจาก Statista พบว่า Hyperscale Data Center มีความต้องการใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้นในช่วงสองปีหลัง (2563-2564) อยู่ที่ 76.23 TWh และ 86.58 TWh (TeraWatt-hour, ล้านล้านหน่วยชั่วโมง) ตามลำดับ

ยิ่งธุรกิจขยายขนาดมากขึ้นรวดเร็วเท่าใด ยิ่งต้องพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานอย่าง ดาต้า เซ็นเตอร์ ในการเก็บข้อมูล ช่วงที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีการร่วมลงทุนในธุรกิจพลังงานมากขึ้นเพื่อขยายขีดความสามารถและเสาะหาแหล่งพลังงานทางเลือกใหม่ ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงโลกดิจิทัลที่หมุนตลอด 24x7

"ดาต้าเซ็นเตอร์เป็นกระดูกสันหลังหลักของระบบเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเฉพาะในยุคที่ผู้ประกอบการไทยกำลังเผชิญกับภาวะต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและส่งผลกระทบกับธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการสนับสนุนจากภาครัฐจึงจำเป็นในระยะยาว เพื่อสร้างช่องทางให้ประเทศเติบโต คำตอบอยู่ที่การลงทุน Digital Infrastructure ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับประเทศในระดับหมื่นล้านบาทขึ้นไป และยังสร้างงานใหม่ ๆ สำหรับอนาคต" โดย ศุภรัฒศ์ ศิวะเพ็ชรานาถ สิงหรา ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้าเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด

STT GDC Thailand ในฐานะผู้นำไฮเปอร์สเกล ด้าต้า เซ็นเตอร์ เข้าใจและตระหนักดีถึงความท้าทายในด้านพลังงานไฟฟ้า เสนอแนวคิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศอย่างยั่งยืนด้วยแนวทางการเปลี่ยนผ่าน "ต้นทุนพลังงานไฟฟ้า" ให้เป็น "โอกาส" ทางเศรษฐกิจใหม่แก่ประเทศไทยที่ทุกฝ่ายควรร่วมมือกัน ดังนี้

  1. นโยบายการสนับสนุนด้านพลังงานไฟฟ้าจากภาครัฐต้องชัดเจนและเป็นรูปธรรม

เนื่องจากกำลังไฟฟ้ามีผลต่อการดำเนินงานของธุรกิจดิจิทัลที่พึ่งพา ดาต้า เซ็นเตอร์ ซึ่งการสนับสนุนการลงทุนจาก BOI ยังโฟกัสไปที่กลุ่มผู้ให้บริการและนักลงทุนจากต่างประเทศเป็นหลัก โดยเป็นการลดภาษีเพียงอย่างเดียว ดังนั้นการลดค่าไฟฟ้า จัดหาแรงจูงใจหรือ Incentive อย่างเหมาะสมให้กับธุรกิจที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอย่าง "ดาต้า เซ็นเตอร์" จะส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยได้อย่างตรงจุด ดังนั้นภาครัฐควรพิจารณาเพื่อวางกรอบปฎิบัติและจัดทำนโยบายสนับสนุนด้านพลังงานอย่างชัดเจนและเหมาะสม โดยเฉพาะธุรกิจดาต้า เซ็นเตอร์ที่จัดเก็บข้อมูลไว้ในประเทศไทย

  1. มีจุดยืนร่วมกันในการ "จัดสรรพลังงานไฟฟ้า" อย่างเหมาะสม

การทำธุรกิจด้าต้า เซ็นเตอร์ในยุคใหม่คือการจำหน่ายเป็นกำลังไฟฟ้า (Power Per Rack) ไม่ได้จำหน่ายเป็น Rack (ชั้นวางเซิร์ฟเวอร์) อย่างที่เคยมีมา ดังนั้นการสร้างจุดยืนร่วมกันเพื่อรับฟังความเห็นและตั้งคณะกรรมการหรือวางกรอบนโยบายเพื่อจัดสรรพลังงานไฟฟ้าอย่างเหมาะสมให้กับธุรกิจดาต้า เซ็นเตอร์ โดยเฉพาะ จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทุกภาคส่วนควรขับเคลื่อนร่วมกันเป็นภาคี รวมถึงประเด็นในการนำพลังงานทางเลือก/หมุนเวียนมาใช้มากขึ้น

  1. สร้างเครือข่าย/ศูนย์กลาง รับ-ส่ง พลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ

นิยามการให้บริการของดาต้า เซ็นเตอร์ในยุคนี้คือ "ห้ามล่ม" โดยการจ่ายไฟฟ้าจะไม่เพียงพอหรือดับไม่ได้เด็ดขาดเพราะนั่นหมายถึงความสูญเสียทางธุรกิจที่ประเมินค่าไม่ได้ เสมือนไฟดับระหว่างการผ่าตัดใหญ่หรือระหว่างการทำธุรกรรมสำคัญ ดังนั้นกำลังไฟฟ้าที่หล่อเลี้ยงโครงสร้างพื้นฐานอย่างดาต้า เซ็นเตอร์ ควรมีเครือข่ายหรือสร้างเป็นศูนย์กลาง รับ-ส่ง เฉพาะ (Electronic Power for DATA CENTER) เพื่อส่งมอบพลังงานไฟฟ้าแบบ Direct

  1. แบ่งปัน Knowledge และ Knowhow เพื่อ "พัฒนาเทคโนโลยีไฟฟ้า" อย่างยั่งยืน

ความยั่งยืน (Sustainability) คือ อนาคตของโลกธุรกิจในวันนี้และวันหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากมาตรฐานต่าง ๆ ที่ดาต้า เซ็นเตอร์ควรมีเพื่อความยั่งยืนแล้ว "ความรู้ + ทักษะ" ทางเทคโนโลยีสำหรับการบริหารและจัดการกำลังไฟฟ้าในดาต้า เซ็นเตอร์ ควรมีการต่อยอด พัฒนา หรือสร้างเป็นหลักสูตรอบรมเฉพาะทาง เพื่อบ่มเพาะ Data Center Technician รุ่นใหม่ ๆ ที่จะเป็นกำลังสำคัญดูแลโครงสร้างพื้นฐานของประเทศและพาไทยไปสู่ Digital Hub ในระดับภูมิภาคฯ ได้

เกี่ยวกับ เอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้าเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย)

เอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้าเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) เป็นบริษัทร่วมทุนภายใต้ความร่วมมือระหว่าง บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ "FPT" ผู้นำการให้บริการสมาร์ทแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร และเอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้าเซ็นเตอร์ หรือ "เอสทีที จีดีซี" (STT GDC) ผู้นำด้านการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลก จากสิงคโปร์

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดู https://www.sttelemediagdc.com/th-en/

ต้นทุนพลังงานไฟฟ้า (Utilities of Digital World) โอกาสหรือความท้าทาย? พาไทยสู่ "ดิจิทัลฮับ" ในอาเซียน
ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit