'บมจ.พริมา มารีน' หรือ PRM โชว์ศักยภาพการดำเนินงานครึ่งปีหลัง ชูธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศและธุรกิจเรือ Offshore เติบโตต่อเนื่อง

01 Aug 2022

'บมจ.พริมา มารีน' หรือ PRM ประเมินทิศทางครึ่งปีหลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ชูศักยภาพพอร์ตกองเรือแข็งแกร่ง รับจังหวะเศรษฐกิจฟื้นตัวหลังภาครัฐเปิดประเทศ และกิจกรรมการสำรวจและผลิตน้ำมันในอ่าวไทยที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มั่นใจครึ่งปีหลังเรือขนส่งปิโตรเลียมระหว่างประเทศและธุรกิจ Offshore เติบโตเด่น โดยมีเรือลำใหม่เริ่มให้บริการแก่ลูกค้าแล้ว ขณะที่กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งในประเทศยังคงมีอัตราการใช้เรืออยู่ในระดับสูงสอดรับกับการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว รวมถึงธุรกิจ FSU ยังคงมีรายได้สม่ำเสมอ หนุนภาพรวมทั้งปีเติบโตตามแผน

'บมจ.พริมา มารีน' หรือ PRM โชว์ศักยภาพการดำเนินงานครึ่งปีหลัง ชูธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศและธุรกิจเรือ Offshore เติบโตต่อเนื่อง

นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และปิโตรเคมีเหลวทางเรือรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เปิดเผยถึง ทิศทางดำเนินงานในครึ่งปีหลังของ PRM ว่าจะมุ่งสร้างการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ด้วยจุดแข็งพอร์ตกองเรือขนาดใหญ่และหลากหลาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการให้บริการแก่ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น โดยกลุ่มธุรกิจแกนหลักในปีนี้ยังคงเป็น กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศมีทิศทางการเติบโตอย่างมั่นคง หลังจากบริษัทฯ ได้เริ่มให้บริการเรือ VLCC แก่ลูกค้ากลุ่มไทยออยล์เพิ่มเติมอีก 1 ลำ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิถุนายนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ปัจจุบันมีเรือ VLCC ให้บริการแก่กลุ่มไทยออยล์รวมทั้งสิ้นจำนวน 2 ลำ ภายใต้สัญญา Time Charter ระยะเวลา 10 ปี

นอกจากนี้ จากการที่กิจกรรมการสำรวจและผลิตน้ำมันในอ่าวไทยยังอยู่ในช่วงขยายตัว จึงทำให้ความต้องการใช้เรือ Offshore เพื่อสนับสนุนการสำรวจและผลิตน้ำมันในอ่าวไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ PRM คว้างานเรือ Accommodation Work Barge (เรือ AWB) เพื่อให้บริการแก่ ปตท.สผ. เพิ่มเติมอีก 1 ลำ ในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะทำให้กลุ่มธุรกิจเรือ Offshore Support ทั้งหมดซึ่งประกอบด้วยเรือ Crew Boat จำนวน 13 ลำ และเรือ AWB อีก 2 ลำ มีอัตราการใช้บริการ 100% ภายใต้สัญญา Time Charter ในช่วงครึ่งปีหลัง

ส่วนเรือขนส่งในประเทศยังคงได้รับประโยชน์จากการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยภายหลังเปิดประเทศ โดยธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศที่ปัจจุบันมีเรือให้บริการจำนวน 34 ลำ เป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย หลังจากมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น

ในขณะที่กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บ หรือเรือ FSU นั้น แม้สถานการณ์ราคาเชื้อเพลิงในตลาดโลกจะยังทรงตัวในระดับสูง แต่บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นบริหารอัตราการใช้เรือให้มีประสิทธิภาพ พร้อมสร้างโอกาสจากการให้บริการผสมน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมรายได้จากกลุ่มธุรกิจดังกล่าวให้มีความสม่ำเสมอและผลักดันผลการดำเนินงานโดยรวมของ PRM ต่อไป

"เรามองว่าภาพรวมครึ่งปีหลังจะสร้างผลการดำเนินงานได้โดดเด่นกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ PRM ที่แข็งแกร่ง ทั้งจากความหลากหลายของพอร์ตกองเรือและการบริหารจัดการด้วยทีมงานมืออาชีพที่พร้อมสร้างการเติบโตในทุกจังหวะ ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในปีนี้จะเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้" นายวิริทธิ์พล กล่าว

HTML::image(