"NER" จ่ายปันผล 0.36 บาท/หุ้น ด้านงบปี 64 โตไม่หยุด กำไร 1,850.19 ล้านบาท ตั้งเป้าปี 65 รายได้ที่ 28,000 ล้านบาท จากธุรกิจยางพารา และสินค้าปลายน้ำ

21 Feb 2022

บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) เผยมติคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.36 บาท/หุ้น XD 19 เม.ย 65 โดยจ่ายปันผลเป็นเงินสด กำหนดจ่าย 6 พ.ค. 65 ด้านผลประกอบการปี 2564 กวาดกำไร 1,850.19 ล้านบาท เติบโต 115.4% จากการขยายกำลังการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น และ การบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมตั้งเป้าปี 2565 รายได้ 28,000 ล้านบาท จากความต้องการใช้ยางที่ยังดีต่อเนื่อง และเตรียมจำหน่ายแผ่นยางปูรองปศุสัตว์ ภายใต้แบรนด์ cattleFlex ซึ่งเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูง

"NER" จ่ายปันผล 0.36 บาท/หุ้น ด้านงบปี 64 โตไม่หยุด กำไร 1,850.19  ล้านบาท ตั้งเป้าปี 65 รายได้ที่ 28,000 ล้านบาท จากธุรกิจยางพารา และสินค้าปลายน้ำ

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆและกลุ่มผู้ค้าคนกลางทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดเผยว่ามติคณะกรรมการบริษัทฯอนุมัติการจ่ายเงินงวดดำเนินงาน วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2564 โดยจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.36 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 19 เมษายน 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 คิดเป็นเงิน 633.83 ล้านบาท

ด้านภาพรวมผลการดำเนินงาน ปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ว่า บริษัทฯ มียอดขายสินค้ารวม 24,425.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,075.88 ล้านบาทหรือ 49.39% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 และมีกำไรสุทธิรวม 1,850.19 ล้านบาทเพิ่มขึ้น  991.51 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 115.47% ซึ่งคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 7.57% เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่เท่ากับ 5.25%

โดยผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น เกิดจากบริษัทมีการขยายกำลังการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น และได้รับคำสั่งซื้อของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากปัจจัยด้านปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติของบริษัทที่ขยับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้บริษัทมีสัดส่วนต้นทุนวัตถุดิบลดลงเมื่อเทียบกับปี 2563 โดยปัจจัยหลักเกิดจากการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 10.56% เป็น 13.25% 

สัดส่วนรายได้จากการขาย แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 15,182.94 ล้านบาท หรือคิดเป็น 62.16% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 4,595.28 ล้านบาทหรือ 43.40% รายได้จากการขายต่างประเทศ 9,242.72 ล้านบาท หรือคิดเป็น 37.84% ของยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 3,480.60 ล้านบาทหรือ 60.40%

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี  2565  บริษัทตั้งเป้ารายได้ 28,000 ล้านบาท ส่วนปริมาณการขายคาดว่าจะสามารถทำยอดขายยางพาราอยู่ที่ 500,000 ตัน จากกำลังการผลิตทั้งหมด 510,000 ตัน โดยสัดส่วนของยอดขายในปี 2565 บริษัทยังวางนโยบายการจำหน่ายสินค้าในประเทศและต่างประเทศเป็น 65:35 เพื่อหลีกเลี่ยงอัตราค่าระวางเรือที่ปรับเปลี่ยนในทิศทางที่สูงขึ้น โดยมองว่าความต้องการใช้ยางพาราในอุตสาหกรรมยังดีต่อเนื่อง หากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ก็จะทำให้มีการคมนาคมมากขึ้น ส่งผลดีต่อความต้องการใช้ยางรถยนต์เพิ่มมากขึ้น

โดยมีรายงานจาก กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน ระบุว่า ยอดผลิตและจำหน่ายยานยนต์พลังงานใหม่ขยายตัวถึง 160% เมื่อเทียบปีต่อปี และมีการส่งเสริมและผลักดันให้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ด้วยการเร่งการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ สถานีชาร์จ เสาชาร์จ และ สถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่รองรับ ที่มีประสิทธิภาพเพื่อตอบสนองความต้องการให้ได้ 20 ล้านคันในปี 2025   โดยจีนจะจัดตั้งสถานีชาร์จในทุกอำเภอและติดตั้งเสาชาร์จในทุกหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนใช้รถยนต์พลังงานสะอาดอย่างจริงจัง

ด้านแผนงานธุรกิจปลายน้ำ ผลิตภัณฑ์แผ่นปูรองปศุสัตว์  ภายใต้แบรนด์ cattleFlex  ตั้งเป้าปริมาณการขายภายในปีแรกที่ 250,000 แผ่น คิดเป็นรายได้ประมาณ 500 ล้านบาท  ปัจจุบันบริษัทกำลังเร่งดำเนินการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศต่างๆ (distributor) ซึ่งในเฟสแรกมีทั้งหมด 13 ประเทศ โดยผลิตภัณฑ์แบ่งเป็น 4 รุ่น ได้แก่  รุ่น Pro พรีเมียมระดับมาตรฐานยุโรป รุ่น Tuf ทนทานในราคาที่จับต้องได้ รุ่น Calf  พิเศษสำหรับลูกวัว และรุ่น Move สำหรับทางเดินในฟาร์มปศุสัตว์ พร้อมกันนี้ได้เตรียมเปิดตัว cattleFlex Winner รุ่นพิเศษ สำหรับการดูแลม้า ในเร็วๆนี้ด้วย

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit