บมจ.ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค หรือ PIN ประกาศสร้างการเติบโตแบบยั่งยืน รับจังหวะเศรษฐกิจฟื้นตัว ตั้งเป้าขายที่ดินในนิคมฯ เพิ่มเป็น 350 ไร่ รุกพัฒนาสาธารณูปโภคด้านพลังงานทั้งโรงไฟฟ้าและท่อก๊าซ รับความต้องการใช้พลังงานแก่ลูกค้าผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรในกลุ่ม ปตท. พร้อมเตรียมเปิดเช่าพื้นที่โลจิสติกส์ปาร์คแห่งใหม่ในครึ่งปีหลังปีนี้ หนุนเป้า 3 ปี ดันสัดส่วนรายได้ให้เช่าและบริการโรงงาน-คลังสินค้าและค่าบริการสาธารณูปโภค (Recurring Income) เพิ่มเป็น 50% ขณะที่ผลงานปี 2564 ทำรายได้ 591.4 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 144.0 ล้านบาท ด้านบอร์ดฯ เคาะจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.15 บาทต่อหุ้น ตอกย้ำ PIN เป็นหุ้น Dividend Stock
นายพีระ ปัทมวรกุลชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจในปีนี้จะมุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน รองรับจังหวะการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัวในกรอบ 3.5-4.5% หลังภาครัฐมีนโยบายการเปิดประเทศ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการเข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมของปิ่นทองกลับมาสู่ภาวะปกติเหมือนก่อนช่วงโควิด 19 โดยประเมินว่าปีนี้การขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองจะเพิ่มเป็น 350 ไร่ หรือขยายตัวเลข 70% ซึ่งมาจากการจำหน่ายที่ดินในโครงการนิคม PIN4, PIN5 และ PIN6 ช่วยผลักดันการเติบโตในปีนี้ได้ตามเป้า
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ที่มุ่งสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง จากโครงการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภคด้านพลังงานจากโครงการโรงไฟฟ้าจำนวน 140 MW ในโครงการ PIN5 ที่อยู่ระหว่างการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และคาดว่าภายใน 3 ปีจะเริ่มดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีแผนศึกษาความร่วมมือพันธมิตรดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) โดยติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาอาคารโรงงานและคลังสินค้า และติดตั้งแผงโซลาร์บนแหล่งน้ำภายในนิคมอุตสาหกรรม กำลังการผลิตรวม 140 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถสรุปรายละเอียดในโครงการนี้ได้ในเร็วๆ นี้
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PIN กล่าวว่า ส่วนโครงการโลจิสติกส์ พาร์ค แห่งใหม่ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาที่ดินและสร้างอาคารโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า โดยจัดสรรพื้นที่โครงการ ประกอบด้วยเขตปลอดอากร (Free Zone) และเขตทั่วไป (General Zone) พื้นที่อาคารรวมประมาณ 200,000 ตารางเมตร บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ บริษัทฯ คาดว่าจะเริ่มพัฒนาเฟสแรกภายในไตรมาส 2 ปีนี้ ซึ่งถือเป็นอีกโครงการไฮไลต์ในปีนี้ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและรากฐานที่มั่นคงแก่การดำเนินงานในระยะยาว และสนับสนุนการเติบโตของกลุ่มธุรกิจจากกลุ่มให้เช่าและบริการที่เป็นรายได้ประจำสม่ำเสมอ (Recurring Income) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 50% ของรายได้รวมภายใน 3 ปีข้างหน้า
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 591.4 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 144.0 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากการขายที่ดินชะลอลง จากปัจจัยลบจากสถานการณ์แพร่ระบาด COVID-19 ที่รุนแรง อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิจากการดำเนินงานในปี 2564 และกำไรสะสม ในอัตรา 0.15 บาทต่อหุ้น เพื่อตอกย้ำ PIN เป็นหุ้น Dividend Stock ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit