AMR ฐานแน่น! โชว์กำไรปี 64 แตะ 178 ลบ. ชงผู้ถือหุ้นจ่ายปันผล 0.08 บ./หุ้น เคาะจ่ายวันที่ 25 พฤษภาคม 2565 นี้ กอด Backlog กว่า 1,880 ลบ. ดันปี 65 ผลงานโตทะยาน 40%

02 Mar 2022

บมจ. เอเอ็มอาร์ เอเซีย (AMR) เปิดผลงานปี 64 โชว์กำไรสุทธิแตะระดับ 178 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมเท่ากับ 1,609 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ส่วนใหญ่จากโครงการวางระบบคมนาคมขนส่งของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย และบริหารต้นทุนได้ดีเยี่ยม ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 29% ขณะที่บอร์ดชงผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังของปี 64 อัตราหุ้นละ 0.08 บาท กำหนดจ่ายวันที่ 25 พฤษภาคม 2565 นี้ ฟากเอ็มดี "มารุต ศิริโก" เผยกอด Backlog กว่า 1,880 ล้านบาท เดินหน้าประมูลงานใหม่อีกเพียบ เล็งรุกธุรกิจพลังงาน สร้างรายได้ประจำ หนุนผลงานปี 65 โตทะยานกว่า 40%

AMR ฐานแน่น! โชว์กำไรปี 64 แตะ 178 ลบ. ชงผู้ถือหุ้นจ่ายปันผล 0.08 บ./หุ้น เคาะจ่ายวันที่ 25 พฤษภาคม 2565 นี้ กอด Backlog กว่า 1,880 ลบ. ดันปี 65 ผลงานโตทะยาน 40%

นายมารุต ศิริโก กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ AMR เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 178 ล้านบาท และรายได้รวมอยู่ที่ 1,609 ล้านบาท ปัจจัยที่สนับสนุนให้ยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรไว้ได้ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 เนื่องจาก ทยอยรับรู้รายได้ส่วนใหญ่มาจากงานโครงการวางระบบคมนาคมขนส่งของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย และในส่วนของรายได้จากการขายมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นมาก หากเปรียบเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการส่งมอบโครงการจัดหาอุปกรณ์และปรับเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน

ขณะที่ภาพรวมของการบริหารต้นทุนในปีที่ผ่านมา ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 29% จากงวดเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 21%

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติให้นำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 เพื่อพิจารณาอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลเพิ่มเติมงวดครึ่งหลังของปี 2564 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 48 ล้านบาท โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2565 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 25 พฤษภาคม 2565

ขณะเดียวกัน คณะกรรมการอนุมัติให้นำเสนอในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นฯ โดยให้มีการเพิ่มวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับพลังงาน ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมในการปรับทิศทางธุรกิจให้สอดรับกับสถานการณ์ของธุรกิจในปัจจุบัน

"ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2564 ถือว่าสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้จะต้องอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่วนใหญ่การรับรู้รายได้จะอยู่ในระยะช่วงท้ายโครงการทำให้เติบโตไม่มาก แต่ในปีนี้ บริษัทฯ ได้รับโครงการใหม่หลายโครงการ และยังอยู่ช่วงต้น จะสามารถทยอยรับรู้รายได้ช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ซึ่งจะทำให้มีการเติบโตเพิ่มขึ้น แต่ในปีที่ผ่านมาภาพรวมการบริหารต้นทุนทำได้ดีทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นกว่าปีก่อน" นายมารุตกล่าว

สำหรับการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 40% เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนจากการทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือที่มีอยู่แล้วกว่า 1,880 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้จะมีงานโครงการใหม่ที่เปิดให้ประมูลมากขึ้น รวมทั้งบริษัทฯ จะมีการทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจที่มีรายได้ประจำ และรายได้ในส่วนธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานมากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้วางงบลงทุนในปีนี้ประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาท โดยมีนโยบายที่จะรุกขยายการลงทุนไปในธุรกิจด้านการให้บริการพร้อมซ่อมบำรุงและดูแลรักษาแบบเบ็ดเสร็จ และร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และ/หรือระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับระบบคมนาคม เช่น ระบบขนส่งสายรอง ระบบเคเบิลคาร์เพื่อการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียนเพื่อให้สอดคล้องกับกระแสการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ระบบสาธารณูปโภค และระบบอัจฉริยะเพื่อการบริหารจัดการเมือง โรงงานอุตสาหกรรมและอาคารขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) สนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง