"หัวใจ" เป็นอวัยวะที่เปรียบเสมือนศูนย์กลางควบคุมการทำงานของอวัยวะภายในของร่างกาย ทำหน้าที่สูบฉีดเลือดหล่อเลี้ยงปริมาณออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยมีลิ้นหัวใจช่วยในการควบคุมการไหลเวียนเลือดให้เป็นไปตามทิศทาง โดยไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับเมื่อมีการบีบและคลายตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ หากลิ้นหัวใจเกิดการเสื่อมสภาพ การทำงานของลิ้นหัวใจมีความผิดปกติจะส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจต้องทำงานเพิ่มมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดภาวะต่างๆ ตามมา เช่น ภาวะหัวใจโต ภาวะเลือดคั่งในหัวใจ และอาจส่งผลรุนแรงถึงขั้นภาวะหัวใจล้มเหลว ซึ่งเป็นสาเหตุของเสียชีวิตได้ในที่สุด
นพ.ชัยณรงค์ ศิริกาญจนโกวิท อายุรแพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจ ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลหัวเฉียว กล่าวว่า ภาวะหัวใจล้มเหลวเป็นกลุ่มอาการที่ไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มโรค สามารถพบได้ในทุกเพศ ทุกวัย เกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ของหัวใจมีผลทำให้หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายหรือรับเลือดกลับสู่เข้าหัวใจได้ตามปกติ รวมไปถึงภาวะแทรกซ้อนอย่างโรคลิ้นหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ภาวะความดันโลหิตสูง กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
ภาวะหัวใจล้มเหลวจะแสดงอาการ..1.เหนื่อย อ่อนเพลียง่ายกว่าปกติ หายใจไม่สะดวก2.เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นผิดจังหวะ3.บวมตามบริเวณเท้าและขา กดแล้วบุ๋ม จากภาวะคั่งน้ำและเกลือ เกิดน้ำคั่งที่อวัยวะภายใน เช่น ตับและม้ามโต ภาวะหัวใจล้มเหลว สามารถรักษาได้โดยการใช้ยารักษา การผ่าตัดลิ้นหัวใจ การใส่เครื่องมือเพื่อควบคุมการเต้นของหัวใจและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำเนินชีวิต ซึ่งเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะป้องกันการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้ ทั้งนี้ควรงดสูบบุหรี่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ รวมไปถึงหลีกเลี่ยงอาหารมันๆ การบริโภคเกลือและอาหารที่มีส่วนประกอบของโซเดียมในปริมาณที่มากเกินไป รับประทานยาตามคำสั่งแพทย์อย่างสม่ำเสมอและควรตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลหัวเฉียว มีทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการเฉพาะทางโรคหัวใจและหลอดเลือด ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยด้วยคุณภาพมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยเป็นสำคัญ พรั่งพร้อมด้วยเครื่องมือเทคโนโลยีที่ทันสมัย อีกทั้งสามารถดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินทุกสิทธิตลอด 24 ชั่วโมง และมีบริการรถ Mobile ICU เพื่อรองรับผู้ป่วยฉุกเฉิน สายด่วนศูนย์หัวเฉียวพิทักษ์ชีพ โทร. 081-8703538-40
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit