กลุ่มธุรกิจแม็คโคร ตอกย้ำยุทธศาสตร์การเติบโต มุ่งสู่ผู้นำค้าส่งค้าปลีกของเอเชีย เน้นทีมงานมืออาชีพรุ่นใหม่ ขับเคลื่อนองค์กรด้วยกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้ายุคดิจิทัล

29 Apr 2022
นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจแม็คโคร ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเมื่อวันที่
กลุ่มธุรกิจแม็คโคร ตอกย้ำยุทธศาสตร์การเติบโต มุ่งสู่ผู้นำค้าส่งค้าปลีกของเอเชีย เน้นทีมงานมืออาชีพรุ่นใหม่ ขับเคลื่อนองค์กรด้วยกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้ายุคดิจิทัล

1 มกราคม พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา กล่าวว่า "กลุ่มธุรกิจแม็คโคร ซึ่งดำเนินธุรกิจ แม็คโครและโลตัส ปักธงเป็นผู้นำค้าส่งค้าปลีกของเอเชีย เสริมทัพทีมงานมืออาชีพรุ่นใหม่ พร้อมกลยุทธ์ขยายธุรกิจ ออฟไลน์และออนไลน์ (O2O) อีคอมเมิร์ช เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้า ที่ปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล เช่น การเปิดตัวแอปพลิเคชั่น maknet B2B Marketplace หรือตลาดค้าส่งออนไลน์สำหรับผู้ประกอบการแบบ End to End Solutions ที่เปิดบริการไปเมื่อ 31 มีนาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังเร่งเปิดสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมชูแพลตฟอร์มแห่งโอกาส หนุนเอสเอ็มอีไทยก้าวไปสู่ตลาดภูมิภาค""แม็คโคร ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 32 ปี ด้วยการขับเคลื่อนของทีมงานบริหารมืออาชีพ ที่มีความเข้าใจลูกค้าผู้ประกอบการอย่างลึกซึ้ง ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญอันทำให้แม็คโครเจริญเติบโตมาจนปัจจุบันนี้ และด้วยความต้องการของลูกค้าและตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป เราได้มีการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร และเปิดรับทีมงานคนรุ่นใหม่ ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านดิจิทัลเข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ทำงานร่วมกับทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในด้านธุรกิจค้าส่งค้าปลีก เพื่อให้กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง บรรลุเป้าหมายในการขับเคลื่อนองค์กร ภายใต้สิ่งแวดล้อมทางธุรกิจในรูปแบบใหม่"ที่ผ่านมาเราได้มีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ใน 10 ประเทศ และได้มุ่งสนับสนุนสินค้าจากผู้ประกอบการ เอสเอ็มอีออกสู่ตลาดต่างประเทศ ผ่านโครงการแพลตฟอร์มแห่งโอกาส เพื่อต่อยอดธุรกิจให้เอสเอ็มอีไทยเติบโตและขยายสู่ตลาดในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีสินค้าจากผู้ผลิตเอสเอ็มอีมากกว่า 100 รายการถูกนำไปวางจำหน่ายผ่านสาขาของแม็คโครใน กัมพูชา เมียนมาร์ และมีอีกหลายรายการที่กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการนอกจากนี้กลุ่มธุรกิจแม็คโคร ยังมุ่งมั่นในการทำธุรกิจที่ตอบโจทย์สังคมและสิ่งแวดล้อม เคียงข้างสังคมอย่างต่อเนื่องมาตลอด 32 ปีจนถึงปัจจุบัน ด้วยหลัก ESG ที่คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ซึ่งแม็คโครเชื่อว่าจะนำพาธุรกิจสู่การเป็นที่หนึ่งในใจของลูกค้าทุกกลุ่มด้วยการบริหารจัดการบนพื้นฐานของความยั่งยืน ที่แม็คโครให้ความสำคัญสูงสุดทั้ง 3 ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านสิ่งแวดล้อม (E) สังคม (S) และการมีธรรมาภิบาลหรือความโปร่งใส (G) โดยได้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมผ่านโครงการต่างๆ ที่เกิดขึ้น เช่นโครงการ Say Hi to Bio, Say No to Foam เป็นโครงการที่ช่วยลดขยะที่เกิดจากโฟมบรรจุอาหาร ซึ่งเป็นปัญหาระดับประเทศ โดยได้ร่วมมือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน ที่ทางแม็คโครได้ประกาศหยุดจำหน่ายโฟมบรรจุอาหารแล้วทุกสาขา ซึ่งตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ได้ช่วยลดขยะโฟมลงสู่สิ่งแวดล้อมกว่า 107 ล้านชิ้น หรือเทียบเท่ากับการที่เราช่วยรักษาต้นไม้ไว้ได้ถึง 233,791 ต้นโครงการ Zero Food waste to Landfill ซึ่งเป็นโครงการที่ขานรับนโยบายของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในการจัดการอาหารส่วนเกินอย่างยั่งยืน โดยได้ตั้งเป้าในการลดปริมาณขยะฝังกลบให้เป็นศูนย์ในปี พ.ศ.2573ทั้งนี้ แม็คโครยังได้ดำเนิน "โครงการมิตรแท้โชห่วย" เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการร้านค้าปลีกรายย่อย สู่การเป็น สมาร์ทโชห่วย อย่างต่อเนื่องมากว่า 12 ปี รวมทั้งได้เปิด "แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี (MHA)" ขึ้นเพื่ออบรมให้ผู้ที่ทำธุรกิจร้านอาหาร และจัดเลี้ยงรายย่อยได้เข้ามาพัฒนาต่อยอดฝึกอาชีพ เสริมทักษะ โดยเฉพาะในช่วงนี้

ที่ผู้ประกอบการต้องการพัฒนาทักษะเพื่อต่อยอดธุรกิจ รองรับการฟื้นตัวหลังวิกฤตโควิด-19

HTML::image(