ICHI กางแผนปี 65 วางเป้ายอดขายแตะ 6,500 ล้านบาท จากภาพรวมตลาดชาเขียวพร้อมดื่มเติบโตแข็งแกร่ง พร้อมเตรียมเดินหน้าบุกตลาด Non-Tea ด้วยเครื่องดื่มกลุ่มกัญชง (CBD) และเครื่องดื่มอัดก๊าซ (CSD) สนับสนุนยอดขายรับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ ด้านภาพรวม OEM ใกล้เซ็นสัญญากับลูกค้ายักษ์ใหญ่เพิ่มอีก 2 ราย ลุ้นตลาดต่างประเทศฟื้นตัว สำหรับอิชิตัน อินโดนีเซีย ทำนิวไฮยอดขายพีคต่อไม่หยุด
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI เปิดเผยว่า "ภาพรวมปี 2565 จะเป็นปีที่ ICHI รุกตลาดในทุกช่องทาง เน้นขยายการเติบโตในกลุ่มสินค้าหลักของบริษัทฯ จากภาพรวมตลาดชาเขียวพร้อมดื่มที่เติบโต โดยเฉพาะบนช่องทาง Traditional Trade ขณะที่กลุ่มเครื่องดื่ม Non-Tea จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมามากขึ้น และการขยายธุรกิจในปี 2565 ภายใต้กลยุทธ์ 3N จึงวางเป้าหมายปีนี้ ICHI รายได้เติบโตแตะ 6,500 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 24% จากปีก่อน
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 1/2565 มองว่ามีการเติบโตที่ดี รับอานิสงส์มาตรการภาครัฐที่ออกมากระตุ้นการบริโภคในประเทศ ขณะที่ข้อมูลจาก Nielsen เผยถึง ภาพรวมตลาดชาพร้อมดื่มในเดือนมกราคมเติบโตขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนถึง 28.65% และยังดีต่อเนื่องในเดือนกุมภาพันธ์ เป็นเทรนด์ที่ดีต่อเนื่องจากปี 2564 มีมูลค่าตลาดชาพร้อมดื่มอยู่ที่ 11,213 ล้านบาท เติบโตราว 3.96% แข็งแกร่งกว่ากลุ่มเครื่องดื่มโดยรวมที่หดตัว จึงวางกลยุทธ์สร้างการรับรู้และการขยายตลาด นำอิชิตันชาเขียวพร้อมดื่มรสน้ำผึ้งผสมมะนาว ที่ได้รับความนิยม เป็นรสชาติอันดับหนึ่งที่ผู้บริโภคให้การตอบรับ จัดแคมเปญบุกตลาด Traditional Trade ต่อเนื่อง
ขณะที่ไตรมาส 2/2565 จะมีการ Collaboration กับบริษัทอาหารยักษ์ใหญ่ระดับโลกออกสินค้าร่วมกันในเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อสร้างประสบการณ์แปลกให้กับลูกค้าของอิชิตัน ขณะที่กลุ่มเครื่องดื่ม Non-Tea จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมามากขึ้น ได้แก่ สินค้ากลุ่มเครื่องดื่มผสมสารกัญชง (CBD) และสินค้าใหม่กลุ่มเครื่องดื่มอัดก๊าซ (CSD) สนับสนุนยอดขายในครึ่งปีหลังให้เติบโต และจับกลุ่มลูกค้า GenZ ผนึกกำลังกับการกลับมาของสินค้ากลุ่มไบเล่ และเครื่องดื่มอิชิตัน น้ำด่าง ที่จะเริ่มแผนการตลาดแบบจัดเต็มในปีนี้
ด้านธุรกิจ OEM จ่อเซ็นสัญญากับลูกค้ารายใหม่เพิ่มเติมอีกจำนวน 2 ราย โดยจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ จากปัจจุบันมีลูกค้าหลักอยู่ 2 ราย คือ บริษัท ไทยโคโคนัท และ คิง พาวเวอร์ สนับสนุนให้อัตราการใช้กำลังการผลิตสูงขึ้น ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economy of scale) มากขึ้น
สำหรับภาพรวมตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศที่เริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะใน CLMV รวมทั้งแผนการรุกตลาดกลุ่มประเทศในตะวันออกกลางเพิ่มเติม ขณะที่ความสำเร็จของบริษัทร่วมค้า อิชิตัน อินโดนีเซีย ทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ในปี 2564 ที่ผ่านมา มียอดขายราว 1,080 ล้านบาท และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรมาที่อิชิตัน กรุ๊ป 59 ล้านบาท เติบโตราว 111% จากปีก่อน นับเป็นการส่งสัญญาณบวกชัดเจน และคาดผลงานปีนี้จะมีการเติบโตในทุกไตรมาส ตั้งเป้ารับรู้ส่วนแบ่งกำไรกลับมาที่อิชิตัน กรุ๊ป ขั้นต่ำที่ราว 75 ล้านบาทในปี 2565 ด้วยเครื่องดื่มตระกูลชาไทยที่เป็น Key Success
ด้านธุรกิจใหม่ที่ ICHI เข้าถือหุ้นสัดส่วน 25% ในบริษัท พรีดิกทิฟ จำกัด (Predictive) เข้ามาเสริมความแกร่งในส่วนของ Big Data เพื่อนำมาใช้เป็นหัวใจในการขับเคลื่อนธุรกิจ และการทำการตลาดได้อย่างตรงกลุ่ม และหากผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย เตรียมนำพรีดิกทิฟเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2567 และยังกำลังศึกษาธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
ในปี 2565 อิชิตันมุ่งมั่นเดินหน้าเติบโตภายใต้กลยุทธ์ 3N (New Product, New Market และ New Business) เชื่อจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนผลประกอบการให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในอนาคต หลังผลประกอบการงวดประจำปี 2564 มีกำไรสุทธิ 546.8 ล้านบาท เติบโต 6.1% มีอัตรากำไรขั้นต้น 19.3% อัตรากำไรสุทธิ 10.5% ขณะที่รายได้จากการขาย 5,228.3 ล้านบาท เติบโต 2.5% จากปีก่อน
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit