นายธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์ นักกลยุทธ์
เศรษฐศาสตร์มหภาค บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์
กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมินสถานการณ์ภายหลังจาก
นายกฯแถลงการณ์พัฒนาการเชิงบวกสถานการณ์ COVID-19 (11ต.ค.64 ) และ
แนวทางการผ่อนคลายมาตรการควบคุม โดยให้น้ำหนักกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ในขณะเดียวกันพร้อมรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น โดยมีมาตรการหลักประกอบด้วย 1.การเปิดรับนักท่องเที่ยวตางชาติ: ตั้งแต่ 1 พ.ย. 64 พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวจากประเทศเสี่ยงต่ำ ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว) เดินทางเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว เพื่อรองรับ High Season ช่วงปลายปี และขยายจำนวนประเทศมากขึ้นเรื่อยๆในช่วง ธ.ค. 64 และ ม.ค. 65 ตามลำดับ 2.อนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารและเปิดสถานบันเทิง: เริ่มตั้งแต่ 1 ธ.ค. เป็นต้นไปสำหรับแนวทางการผ่อนคลายซึ่งเน้นไปที่ภาคการท่องเที่ยว การเดินทางเข้าประเทศ (in bound) ของต่างชาติ ตอกย้ำมุมมองเชิงบวกของหุ้นในกลุ่ม Re-Opening และถือเป็นการ
ปลดล็อคในจังหวะที่เหมาะสม เนื่องจากเป็นช่วง High season และมี Pent-up Demand สำหรับการท่องเที่ยวของทั้งชาวต่างชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาติตะวันตกที่เข้าสู่หน้าหนาว และชาวไทยที่อยู่ในภาวะอัดอั้นจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ยืดเยื้อ และแม้ว่าจะเริ่มมีการผ่อนคลายตั้งแต่ช่วง 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ในหลายพื้นที่ก็ยังประสบกับปัญหาฝนตก น้ำท่วม ทำให้การท่องเที่ยวในประเทศยังเร่งขึ้นได้ไม่เต็มที่หุ้นที่ได้ประโยชน์เรียงตามลำดับความน่าสนใจ
First Tier VVIP: AOT ถือได้ว่าเป็นหุ้นแถวแรกที่ได้ประโยชน์โดยตรงตั้งแต่ก้าวแรกของการเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จากรายได้กิจการการบินที่จะเร่งตัว รายได้ค่าเช่าที่จะกลับมาฟื้นตัวFirst Tier: หุ้นกลุ่มโรงแรมที่น่าจะถึงเวลาเก็บเกี่ยว หลังจากผ่านพ้นช่วงแห่งความยากลำบากและการเตรียมพร้อม ทั้งด้านการบริหารจัดการต้นทุน และการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเป็นการเปิดรับนักท่องเที่ยวในช่วง High season เป็นครั้งแรกหลังจากที่ประเทศไทยเผชิญ Covid-19 ที่มีระลอกใหม่เข้ามาในทุกช่วงเทศกาลตั้งแต่ สงกรานต์ ปี 2563 (MINT CENTEL ERW AWC)Second Tier: กลุ่มการบริโภคในประเทศที่แม้จะฟื้นตัวจากกำลังซื้อในประเทศได้แล้วระดับหนึ่ง แต่จะเร่งตัวจากกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับเข้ามา (CPN CPALL) และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากภาวะเศรษฐกิจที่เข้าสู่จุดฟื้นตัว (KBANK BBL)Third Tier: หุ้นในกลุ่มสื่อสาร (ADVANC DTAC) ถือเป็นหุ้นแถวสามที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน จากรายได้การให้บริการเครือข่าย ลูกค้าระบบเติมเงิน ที่จะฟื้นตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ และกลุ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีฐานลูกค้าเป็นชาวต่างชาติ (BH)