"มาร์ส" ให้คำมั่นในการดำเนินการด้านสภาพอากาศครั้งใหม่ เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมด

06 Oct 2021
  • บริษัทตั้งเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศตามหลักวิทยาศาสตร์ครั้งใหม่ เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) สุทธิเป็นศูนย์ทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดภายในปี 2593 รวมถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากกิจกรรมอื่น ๆ (Scope 3) ทั้งหมด (ตามที่ SBTi กำหนด) เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคเกษตรกรรมและซัพพลายเออร์ ไปจนถึงการปล่อยมลพิษจากผู้บริโภคที่ใช้แบรนด์เครื่องใช้ในครัวเรือนของบริษัท เช่น Ben's Originals, M&M's และ Royal Canin
  • คำมั่นสัญญาครั้งใหม่ช่วยเร่งเป้าหมายระยะยาวในปัจจุบันของมาร์สให้ลดการปล่อยมลพิษจากธุรกิจทั้งหมดโดยสิ้นเชิง ยุติการตัดไม้ทำลายป่าจากห่วงโซ่อุปทาน และการเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ซึ่งค่าตอบแทนของผู้บริหารจะเชื่อมโยงอย่างมากกับการดำเนินการด้านสภาพอากาศ และซัพพลายเออร์กว่า 20,000 รายในห่วงโซ่คุณค่าของมาร์สได้รับการกระตุ้นให้เร่งดำเนินการและกำหนดพันธกิจของตนเอง
  • Grant F. Reid ซีอีโอของมาร์ส กล่าวว่า ความพยายามในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สุทธิเป็นศูนย์นั้นจะ "เหมาะสมตามวัตถุประสงค์" ได้ด้วยการครอบคลุมฟุตปรินท์ก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดเท่านั้น และเตือนอุตสาหกรรมว่า เป้าหมายระยะยาวจะต้องไม่เป็นข้อแก้ตัวสำหรับ "การไม่ลงมือทำและความล่าช้า"
  • Royal Canin แบรนด์ขนาดใหญ่ที่สุดของบริษัท มุ่งมั่นที่จะได้รับการรับรองความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2568 โดยเริ่มดำเนินการตามโครงการริเริ่มใหม่ครั้งสำคัญเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและดำเนินการป้องกันสภาพอากาศในทันที

มาร์ส อินคอร์ปอเรทเต็ด (Mars, Incorporated) ประกาศถึงความมุ่งมั่นที่จะบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดภายในปี 2593 ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของความตกลงปารีส ที่จะจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส

ความมุ่งมั่นที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นไปตามผลการค้นคว้าในรายงาน Intergovernmental Panel on Climate Change (IPCC) ในเดือนก.ค. ซึ่งตอกย้ำความเร่งด่วนในการบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ทั่วโลก เพื่อป้องกันผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดของภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญของการประชุมสภาพอากาศ COP26 ในเดือนหน้าที่กลาสโกว์ โดยมาร์สได้เข้าร่วมในคำปฏิญาณ Business Ambition for 1.5C pledge ของโครงการ Science Based Targets Initiative (SBTi) และ Race to Zero ในขณะที่บริษัทได้เร่งดำเนินการเพื่อบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์โดยมุ่งเน้นที่

  • การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในฟุตปรินท์ก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง รวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากกิจกรรมอื่น ๆ (Scope 3) ทั้งหมด เช่น การปล่อยมลพิษทางอ้อม (เช่น การเดินทางเพื่อธุรกิจ การปล่อยมลพิษของลูกค้ารายย่อย การใช้ผลิตภัณฑ์ และสินค้าหมดอายุ) และการตั้งเป้าหมาย 5 ปีเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการและติดตามความคืบหน้า
  • การยุติการตัดไม้ทำลายป่าในห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัตถุดิบหลักที่มีผลกระทบต่อการปล่อยมลพิษมากที่สุด
  • การเชื่อมโยงค่าตอบแทนผู้บริหารเข้ากับการดำเนินงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามห่วงโซ่คุณค่า
  • กระตุ้นซัพพลายเออร์กว่า 20,000 รายในห่วงโซ่คุณค่าของมาร์ส เพื่อดำเนินการด้านสภาพอากาศและกำหนดเป้าหมายที่สำคัญ

Grant F. Reid ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของมาร์ส กล่าวว่า "ระดับการแทรกแซงทั่วโลกจะต้องชัดเจนและเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้ส่งผลกระทบต่อโลกและชีวิตของผู้คนแล้ว

" วิทยาศาสตร์บอกเราว่าเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ต้องเข้าถึงในวงกว้าง ดักจับการปล่อยมลพิษทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมด และแผนการต่าง ๆ ต้องมีทั้งเป้าหมายหลักและเป้าหมายระหว่างทาง เพื่อบรรเทาภัยคุกคามที่แน่ชัดและแท้จริง เพราะเราไม่สามารถรอหลายสิบปีเพื่อดูความคืบหน้าได้

"อย่างไรก็ตาม มีบ่อยครั้งที่เป้าหมายไม่ได้เป็นไปตามนั้น และช่องว่างของพันธกิจการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์มีความเสี่ยงที่จะบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของพวกเขา และที่สำคัญกว่านั้นคือการเคลื่อนไหวของการดำเนินการด้านสภาพอากาศ ซึ่งเราไม่สามารถปล่อยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้

"เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ครอบคลุมฟุตปรินท์ก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดของเรา ตั้งแต่วิธีการจัดหาวัสดุไปจนถึงวิธีที่ผู้บริโภคใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อให้เกิดผลกระทบที่สำคัญและมั่นใจว่าเหมาะสมตามวัตถุประสงค์ และเรากำลังขับเคลื่อนธุรกิจทั้งหมดของเราให้ดำเนินการทันทีและบรรลุเป้าหมายระหว่างทางทุก ๆ 5 ปี

"นี่จะเป็นความท้าทายครั้งสำคัญ และเราจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้หากปราศจากความร่วมมือจากบริษัทในเครือ ซัพพลายเออร์ ลูกค้า ผู้บริโภค และพันธมิตรในอุตสาหกรรม เนื่องจากการทำงานร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนการยกระดับและการเข้าถึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

"เราจำเป็นต้องยกเครื่องห่วงโซ่อุปทานที่ขับเคลื่อนธุรกิจระดับโลก และยุติการตัดไม้ทำลายป่าและการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศทางธรรมชาติ เพื่อขับเคลื่อนการปรับเปลี่ยนที่มีความสำคัญในขณะนี้

เราไม่สามารถใช้ความมุ่งมั่นระยะยาวเป็นข้ออ้างของการไม่ลงมือทำและความล่าช้า "

มาร์สได้ขับเคลื่อนการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศเกี่ยวกับการปล่อยมลพิษมานานกว่าทศวรรษ ด้วยเป้าหมายปัจจุบันซึ่งกำหนดขึ้นในปี 2552 ในการบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในการดำเนินงานโดยตรงภายในปี 2583

การประกาศในวันนี้เป็นการต่อยอดจากแผน Sustainable in a Generation Plan ปัจจุบันของบริษัท เพื่อก้าวไปข้างหน้าตามคำมั่นเดิมที่จะลดการปล่อยมลพิษในห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดลง 67% ภายในปี 2593 และตอกย้ำเป้าหมายระยะสั้นที่มุ่งมั่นลดก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดลง 27% ภายในปี 2568

มาร์สได้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมด 7.3% ตั้งแต่ปี 2558 แม้ธุรกิจจะเติบโตอย่างต่อเนื่องก็ตาม สำหรับการปฏิบัติงานโดยตรงนั้น มาร์สได้ลดการปล่อยมลพิษไปแล้ว 31% และกำลังดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายระหว่างทางภายในปี 2568 (ลดลง 42%)

Royal Canin แบรนด์ขนาดใหญ่ที่สุดของบริษัท เป็นผู้นำระดับโลกในการส่งเสริมสุขภาพสัตว์เลี้ยงผ่านโภชนาการ Royal Canin จะดำเนินการเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอนสำหรับธุรกิจทั้งหมดของบริษัทในปี 2568 ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์แรกที่มีเป้าหมายเพื่อรับการรับรองความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2565 โดยจะสำเร็จได้ผ่านแนวทางต่าง ๆ ได้แก่ โครงการที่ได้รับทุนจากราคาคาร์บอนภายใน ซึ่งเป็นวิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการคำนวณฟุตปรินท์คาร์บอนของผลิตภัณฑ์แต่ละรายการ การยึดมั่นในมาตรฐาน PAS 2060 สำหรับความเป็นกลางทางคาร์บอน แนวทางร่วมกับพันธมิตรในห่วงโซ่คุณค่าเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ต่ำที่สุด และโดยการสนับสนุนโครงการริเริ่มด้านคาร์บอนเครดิตคุณภาพสูงสำหรับการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่ยังหลงเหลืออยู่

Reid กล่าวเสริมว่า "แบรนด์ของเรามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเชื่อมโยงปัญหานี้กับผู้บริโภค ผมยินดีที่เราสามารถกำหนดความมุ่งมั่นนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้นสำหรับผู้คน สัตว์เลี้ยง และโลกใบนี้"

การบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์แผนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ฉบับสมบูรณ์จะพัฒนาและเผยแพร่ในปี 2565 เพื่อให้สอดคล้องกับกฎของโครงการ Science-Based Target Initiative ที่คาดการณ์ไว้เกี่ยวกับพันธกิจการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งคาดว่าจะมีภายในสิ้นปี 2564

ส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มจำนวนมากที่มาร์สดำเนินการเพื่อบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ได้แก่

  • การเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน 100% มาร์สมีความก้าวหน้าอย่างมากต่อความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการดำเนินงานโดยตรงภายในปี 2583 (รวมถึงโรงงาน สำนักงาน และแนวปฏิบัติด้านสัตวแพทย์) ปัจจุบัน บริษัทใช้ไฟฟ้าหมุนเวียน 100% สำหรับการดำเนินงานโดยตรงทั้งหมดของบริษัทใน 11 ประเทศ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 54% ของความต้องการไฟฟ้าที่บริษัทต้องใช้ทั่วโลก และมีแผนจะเปลี่ยนการดำเนินงานในอีก 8 ประเทศภายในปี 2568 ซึ่งรวมถึงการเติบโตของธุรกิจ เช่น การดำเนินการในสหรัฐที่มาร์สเพิ่งประกาศข้อตกลงซื้อขายพลังงานใหม่กับ Ford Ridge Wind Farm ในรัฐอิลลินอยส์ ซึ่งจะไม่ได้ครอบคลุมเพียงการพัฒนาครั้งล่าสุดของธุรกิจ Mars Veterinary Health ในสหรัฐเท่านั้น แต่ยังรวมถึงซัพพลายเออร์ 2 รายในสหรัฐด้วย
  • ออกแบบห่วงโซ่อุปทานใหม่อย่างเร่งด่วนเพื่อหยุดการตัดไม้ทำลายป่า มาร์สกำลังออกแบบห่วงโซ่อุปทานใหม่เพื่อช่วยหยุดการตัดไม้ทำลายป่าและการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศธรรมชาติสำหรับวัตถุดิบหลัก 5 รายการ ที่ระบุว่ามีความเสี่ยงสูงสุด ได้แก่ โกโก้ เนื้อวัว น้ำมันปาล์ม เยื่อและกระดาษ และถั่วเหลือง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะรวมถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องจากการซื้อส่วนผสมโดยพิจารณาจากต้นทุนเพียงอย่างเดียว โดยจะเน้นเพิ่มความโปร่งใสและการตรวจสอบย้อนกลับเกี่ยวกับแหล่งที่มาของสินค้ามากขึ้น เมื่อไม่นานมานี้ มาร์สได้สร้างห่วงโซ่อุปทานน้ำมันปาล์มที่ปราศจากการตัดไม้ทำลายป่า ลดจำนวนโรงงานปาล์มจาก 1,500 โรง เหลือไม่ถึง 90 โรงในปีนี้ เพื่อให้สามารถดำเนินการตามมาตรฐานที่เข้มงวดและการตรวจสอบผ่านดาวเทียม นอกจากนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าให้สินค้าที่มีความเสี่ยงสูงต่อป่าไม้ทั้งหมด (เนื้อวัว น้ำมันปาล์ม เยื่อและกระดาษ และถั่วเหลือง) และโกโก้จะปราศจากการตัดไม้ทำลายป่าภายในปี 2568
  • ขยายขอบเขตความคิดริเริ่มในการเกษตรที่ยั่งยืนและรูปแบบใหม่ มาร์สจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงการร่วมกับเกษตรกร เพื่อจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมุ่งสู่การเกษตรรูปแบบใหม่ ซึ่งรวมถึงการทำงานกับเกษตรกรและซัพพลายเออร์เพื่อส่งเสริมแนวปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีขึ้น สนับสนุนการใช้ที่ดินอย่างยั่งยืน และสนับสนุนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น การวิจัยจีโนมิกส์ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงวิธีการผลิตพืชผลที่ยืดหยุ่นและให้ผลผลิตมากขึ้น นอกจากนี้ มาร์สจะดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงสุขภาพของดิน เพื่อปลดล็อกศักยภาพผลผลิตและมอบประโยชน์อื่น ๆ ด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ได้แก่ โครงการ Cool Soil Initiative ที่สนับสนุนความยืดหยุ่นในการผลิตข้าวสาลีในออสเตรเลีย, Sustainable Dairy Partnership ที่กำลังขยายความร่วมมือระหว่างซัพพลายเออร์ผลิตภัณฑ์นมกับผู้ซื้อทั่วโลก และ Oryzonte โครงการปรับปรุงการปลูกข้าวในสเปน ที่จะลดทั้งการใช้น้ำและการปล่อยก๊าซมีเทน
  • กระตุ้นซัพพลายเออร์ 20 ,000 รายให้ดำเนินการด้านสภาพอากาศ มาร์สให้ความสำคัญกับความร่วมมือและการเป็นพันธมิตรกับซัพพลายเออร์ เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงผ่านห่วงโซ่คุณค่าเต็มรูปแบบ ซึ่งประกอบด้วยโครงการ Pledge for Planet และ Supplier Leadership on Climate Transition (S-LoCT) ที่เพิ่งประกาศเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ซัพพลายเออร์คำนวณฟุตปรินท์ก๊าซเรือนกระจกและกำหนดเป้าหมายตามหลักวิทยาศาสตร์ของตนเอง โครงการนี้ให้การฝึกอบรมและการสร้างความสามารถด้วยความพยายามผลักดันให้แบรนด์อื่น ๆ ลงทะเบียนเข้าร่วมและขยายโครงการตลอดห่วงโซ่อุปทาน

Barry Parkin ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความยั่งยืนและการจัดซื้อจัดจ้างของมาร์ส กล่าวว่า การระดมการดำเนินการในห่วงโซ่อุปทานที่ขยายตัวจะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการลดการปล่อยมลพิษในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

เขากล่าวว่า "สามในสี่ของผลกระทบที่เราสร้างขึ้นนั้นมาจากวัสดุที่เราซื้อ ดังนั้นเราต้องเปลี่ยนสิ่งที่ซื้อหรือสถานที่ซื้อ หรือสิ่งสำคัญกว่านั้นอาจจะเป็นวิธีการซื้อ

"เป็นที่ชัดเจนว่าจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางการเกษตรเพิ่มเติม เราจะผลักดันขอบเขตของสิ่งที่เป็นไปได้ผ่านการเกษตรแบบปฏิรูป และเราต้องเร่งดำเนินการ ควบคู่ไปกับความร่วมมือกับซัพพลายเออร์อย่างลึกซึ้งและประสานกันมากขึ้น ตลอดจนขอบข่ายงานของรัฐบาลที่หนักแน่นขึ้น ซึ่งจะจูงใจให้เกิดการปฏิบัติที่ยั่งยืน"

ขณะเดียวกัน มาร์สยังมุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นใจว่าการปล่อยก๊าซใด ๆ ที่เหลืออยู่ที่ธุรกิจไม่สามารถลดให้ถึงระดับศูนย์จะถูกทำให้เป็นกลางทางคาร์บอนด้วยคาร์บอนเครดิต (carbon credit) ที่แท้จริง คงทน และเป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยอิงตามการกำจัดคาร์บอนออกจากชั้นบรรยากาศ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัย Net Zero Foundations ของ SBTi การดำเนินการดังกล่าวจะรวมถึงการสร้างและลงทุนในโครงการที่เน้นผลกระทบทางนิเวศ สังคม และคาร์บอนสูงสุด เช่น การลงทุนครั้งล่าสุดในกองทุนคาร์บอน Livelihoods Carbon Fund 3 มูลค่า 150 ล้านยูโร ร่วมกับนักลงทุนและบริษัทอื่น ๆ 13 แห่ง

Parkin กล่าวเสริมว่า "แผนงานของเราในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของเราอย่างชัดเจน แต่ก็มีการยอมรับในชุมชนวิทยาศาสตร์ว่า ภาคการเกษตรจะบรรลุการลดการปล่อยคาร์บอนทั้งหมดได้ยาก ดังนั้น เครดิตการกำจัดคาร์บอน (carbon removal credits) จะต้องมีส่วนช่วยให้เราบรรลุความเป็นกลางในการปล่อยมลพิษที่เหลืออยู่ โดยเราจะใช้ระดับความเข้มงวดสูงเพื่อที่เครดิตที่เราซื้อจะกำจัดคาร์บอนออกจากชั้นบรรยากาศ และติดตามด้วยการตรวจสอบดูแลและวิทยาศาสตร์ที่แข็งแกร่ง"

ทั้งนี้ การทำให้โลกร้อนขึ้นไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียสจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงทั่วทั้งอุตสาหกรรม รัฐบาล และสังคมในวงกว้าง มาร์สจะยังคงสนับสนุนนโยบายเพื่อช่วยบรรลุความพยายามของความตกลงปารีส ตัวอย่างเช่น มาร์สจะสนับสนุนราคาคาร์บอนที่เรียบง่าย ชัดเจน และโปร่งใส ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้อาจทำให้ธุรกิจมีความน่าสนใจยิ่งขึ้น และผลักดันให้มีบริษัทจำนวนมากขึ้นที่ดำเนินการเพื่อลดการปล่อยมลพิษอย่างจริงจัง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผน Sustainable in a Generation Plan และพันธกิจด้านสภาพอากาศได้ที่ www.mars.com/sustainability-plan

เกี่ยวกับ MARS, INCORPORATED
กว่าหนึ่งศตวรรษที่ Mars, Incorporated ดำเนินธุรกิจด้วยความเชื่อว่าโลกแบบที่เราอยากเห็นในวันข้างหน้า เป็นผลของสิ่งที่เราทำในวันนี้ แนวคิดนี้จึงเป็นหัวใจที่ขับเคลื่อนให้เราเป็นธุรกิจครอบครัวระดับโลกอย่างที่เป็นมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน วันนี้ Mars กำลังเปลี่ยนแปลง สร้างสรรค์ และพัฒนาไปบนวิถีทางที่ยืนยันได้ถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกรอบตัวเรา

กลุ่มธุรกิจขนม อาหาร ตลอดจนผลิตภัณฑ์และบริการดูแลสัตว์เลี้ยงที่มีความหลากหลายและขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเรานั้นมีผู้ร่วมงานรวม 133,000 คนที่มีความทุ่มเทและมุ่งมั่นที่จะก้าวไปข้างหน้าในทิศทางเดียวกัน เราผลิตแบรนด์ยอดนิยมของโลกที่ทำยอดขายได้ปีละ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ เช่น DOVE(R), EXTRA(R), M&M's(R), MILKY WAY(R), SNICKERS(R), TWIX(R), ORBIT(R), PEDIGREE(R), ROYAL CANIN(R), SKITTLES(R), BEN'S ORIGINAL(TM), WHISKAS(R), COCOAVIA(R) และ 5(TM) รวมทั้งดูแลสัตว์เลี้ยงครึ่งหนึ่งของโลกผ่านบริการสุขภาพสัตว์เลี้ยง ได้แก่ AniCura, Banfield Pet Hospitals(TM), BluePearl(R), Linnaeus และ VCA(TM)

เราตระหนักดีว่าเราจะประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงได้ก็ต่อเมื่อพันธมิตรและชุมชนที่เราดำเนินธุรกิจอยู่ด้วยนั้นประสบความสำเร็จเช่นกัน Mars จึงดำเนินธุรกิจตามหลักคุณธรรมห้าประการ ได้แก่ คุณภาพ ความรับผิดชอบ ผลประโยชน์ร่วมกัน ประสิทธิภาพ และเสรีภาพ ซึ่งหลักห้าประการนี้เป็นแรงบันดาลใจในการทำงานของพนักงานของเราในทุกๆ วัน เพื่อช่วยสร้างโลกในวันพรุ่งนี้ที่ซึ่งคนและสัตว์เลี้ยงสามารถอยู่อาศัยและเติบโตได้

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Mars กรุณาเยี่ยมชม www.mars.com หรือติดตามเราทาง Facebook, Twitter, LinkedIn, Instagram และ YouTube

วิดีโอ - https://mma.prnewswire.com/media/1652538/Mars_Net_Zero.mp4
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1652485/Moy_Wind_Farm.jpg
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1652544/climate_action.jpg
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1652488/Mars_Netherlands_Factory.jpg
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1652489/Mars_Veterinary_Services.jpg