นายอาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แสนสิรินับเป็นผู้นำดีไซน์การออกแบบที่อยู่อาศัยในวงการอสังหาริมทรัพย์ โดยตลอดระยะเวลากว่า 37 ปี แสนสิริ ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากความเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง (Customer Centric) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ปัจจุบันแสนสิริได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าในทุกเซ็กเมนท์ จนเป็น "แบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน" ที่ครองใจลูกค้าในทุก Gen เราเชื่อว่าความสุข ดีๆ ในทุกๆ วัน เริ่มต้นจากบ้าน จึงเป็นที่มาของแนวคิด "Made for Life เพื่อชีวิตดีดีของทุกคน" สู่ปรัชญาในการออกแบบของแสนสิริ ที่เริ่มต้นจากความเข้าใจวิถีชีวิตของทุกคนในทุกช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เพื่อค้นหาความต้องการและนำมาสู่การพัฒนาและออกแบบอยู่เสมอ โครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริ จึงไม่ใช่แค่ดีไซน์สวยงาม มีเอกลักษณ์ แต่ยังมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตในบ้านให้ทุกครอบครัว มีความสุขได้ทุกวัน
นอกจากการรุกพัฒนาโครงการแนวราบ ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ ไฮไลท์ที่สำคัญในปีนี้ แสนสิริยังมีการพลิกโฉมครั้งสำคัญใน "ดีไซน์" ที่อยู่อาศัย อาทิ ทาวน์โฮมแบรนด์สิริ เพลส ซีรีย์ใหม่ "Dream Destination" ดีไซน์ที่มากกว่าฟังก์ชัน รวมถึงการเปิดตัว "BuGaan" (บูก้าน) เอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนท์ ที่เปรียบเสมือน Penthouse on Ground ด้วยดีไซน์ในแบบ Modern Luxury Living และดีไซน์การออกแบบในโครงการ "DEMI สาธุ 49" ดีลักซ์ ทาวน์โฮมจากแสนสิริ ราคา 17.9 - 35 ล้านบาท ที่เตรียมเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้
นอกจากนี้เพื่อต่อยอดความสำเร็จของการเป็นผู้นำตลาดบ้านเดี่ยวระดับบน จากยอดขายที่ดีของแบรนด์บ้านเดี่ยวเศรษฐสิริและบุราสิริ แสนสิริยังได้เปิดตัวบ้านเดี่ยวซีรีย์ใหม่ Limited Edition พร้อมฟังก์ชันใหม่ ครั้งแรกใน 5 โครงการ ครอบคลุมทุกทำเล ได้แก่
ทุกโครงการยังรองรับการใช้งานของทุกคนในครอบครัว ครบทั้ง 3 Generation พร้อมห้องนอนล่างพร้อม Elder Care Solution สำหรับผู้สูงอายุ และนวัตกรรมบ้านเย็นอยู่สบายหรือ Cooliving Designed Home
"นับเป็นครั้งแรกกับการเปิดตัว "Garden Connect" บ้านแบบใหม่ล่าสุดของแบรนด์เศรษฐสิริ ที่ให้ความสำคัญตั้งแต่การวางผังโครงการและตัวบ้าน เพื่อสร้าง Compound เล็กๆ จำนวน 2-4 หลัง โดยออกแบบให้แต่ละหลังมีพื้นที่สวนด้านหลังบ้านมากขึ้น จึงเกิดความเชื่อมต่อของวิวสวนจากบ้านทุกหลัง และปรับเปลี่ยนฟังก์ชันภายในบ้านใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เข้ากับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงของลูกค้าในยุคปัจจุบันที่ใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น โดยชั้น 1 ของบ้านดีไซน์เป็น Open Plan เชื่อมส่วนรับประทานอาหารและพื้นที่สำหรับการพักผ่อนของครอบครัว ให้มีความเป็นส่วนตัว ใกล้ชิดธรรมชาติ อิ่มเอมกับความเขียวด้วยต้นไม้รอบบ้านได้มากกว่าเดิม หรือสามารถออกแบบให้เป็นสวนสวยหรือสระว่ายน้ำก็ได้ พร้อมฟังก์ชัน Double Volume โถงสูง โปร่งและโอ่อ่า และอีกหนึ่งแบบบ้านใหม่ คือ "Double Volume" ตัวโถงมีความสูงจากชั้น 1 ถึงชั้น 2 ถึง 5.5 - 6.4 เมตร ทำให้บ้านมีความโปร่ง โล่งสบาย ทำให้การหมุนเวียนอากาศภายในบ้านดี อากาศถ่ายเทสะดวก มีแสงธรรมชาติเข้ามาภายในบ้านได้มากขึ้น เพิ่มความหรูหราโอ่โถงให้กับสเปซภายในตัวบ้าน ขณะที่แบบบ้านใหม่สุดท้าย คือบ้านแบบ "Courtyard" มีต้นไม้ใหญ่ตรงกลางบ้าน สามารถมองเห็นได้จากทุกๆ ห้องในทั้งชั้น 1 และ ชั้น 2 โดยแสนสิริยังได้ให้ความสำคัญกับ "แสงธรรมชาติ" จึงออกแบบให้มีกระจกจำนวนมาก เพื่อให้ในบ้านสว่างโปร่ง เปิดรับวิวสวนและอากาศบริสุทธิ์ ซึ่งหลังจากเปิดตัวในทั้ง 3 แบบบ้าน ได้รับกระแสตอบรับที่ดี สร้างยอดขายแบรนด์พุ่งกว่า 50% ของยอดขายรวมจากทั้ง 2 แบรนด์ในช่วงเปิดตัว" นายอาณัติ กล่าว
นอกจากนี้ อีกหนึ่งในหัวใจหลักสำคัญที่ทำให้แสนสิริแตกต่างและโดดเด่นจากคู่แข่งในการเป็นผู้นำแนวราบ ครองใจคนไทยอย่างต่อเนื่อง คือ คลับเฮาส์และส่วนกลางที่สวยงาม ทั้งดีไซน์และออกแบบเข้ากับโครงการและฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้จริง พร้อมความใส่ใจดูแลพื้นที่ส่วนกลางให้คงเสมือนวันแรก และความอุ่นใจในมาตรการความสะอาดและปลอดภัย ด้วยบริการจากพลัส พร็อพเตอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริการหลังการขาย โดยล่าสุดแสนสิริยังได้เปิดตัวแคมเปญ Club Vacay (คลับ วาเคย์)ที่นำเสนอมุมมองใหม่ของคลับเฮาส์ สวนสีเขียว และส่วนกลาง ที่มีความหมายมากกว่าพื้นที่ แต่เป็นประสบการณ์ที่ชวนให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างอิสระ สนุกและผ่อนคลายไปกับทุกกิจกรรมที่ชื่นชอบอย่างสะดวกสบาย กับดีไซน์ที่สวยงามหลากหลายลงตัวกับคอนเซปต์ของแต่ละโครงการ ให้เป็นได้ทั้งที่พักผ่อนส่วนตัว ใช้เวลากับครอบครัว และที่ที่ให้คุณได้มาคอนเน็คกับเพื่อนบ้าน เปลี่ยนวันธรรมดาๆ ของคุณ ให้กลายเป็น Vacation ที่แสนพิเศษด้วยส่วนกลางที่ครบครัน
"แสนสิริ นับเป็นผู้นำตลาดบ้านเดี่ยวระดับบน ได้รับการตอบรับที่ดีในแบรนด์บ้านเดี่ยวเศรษฐสิริ และ บุราสิริ ระดับราคา 8 - 20 ล้านบาทและสร้างยอดขายที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมียอดขายจากทั้ง 2 แบรนด์ไปแล้วถึง 8,400 ล้านบาท จาก 18 โครงการ จำนวน 646 ยูนิตในปีนี้ และปิดการขาย (Sold Out) 3 โครงการรวด ได้แก่ เศรษฐสิริ พัฒนาการ, บุราสิริ พัฒนาการ และบุราสิริ รังสิต ทั้งนี้ แสนสิริยังคงมุ่งมันอย่างต่อเนื่อง ในการพัฒนาโครงการในทุกเซ็กเมนต์ผ่านงานดีไซน์และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ส่งผลให้ยอดขายรวมโครงการบ้านเดี่ยวและมิกซ์โปรดักส์ในปีนี้ ล่าสุดทะลุ 16,200 ล้านบาท หรือคิดเป็นถึง 98% จากเป้าหมายยอดขายบ้านเดี่ยวและมิกซ์โปรดักส์ที่วางไว้ในปีนี้ 16,600 ล้านบาท และคาดว่าจะทำได้เกินจากเป้าหมายที่วางไว้" นายอาณัติ กล่าวสรุป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit