องค์กรทั่วเอเชียแปซิฟิกต่างเร่งปฏิรูปด้านดิจิทัลอย่างรวดเร็วเพื่อรับมือกับการระบาดของไวรัสครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นทั่วโลก แต่อาจยังมีความล้าช้าอันเนื่องจากผู้บริหารในองค์กรจัดลำดับความสำคัญทางธุรกิจและกลยุทธ์ทางเทคโนโลยีภายในองค์กรยังไม่ตรงกัน แต่การจัดวางการรักษาความปลอดภัยแบบองค์รวมอย่างระมัดระวังและความร่วมมือกับพันธมิตรที่เหมาะสมจะช่วยให้องค์กรสามารถสร้างศักยภาพทางดิจิทัลที่ตนต้องการได้อย่างรวดเร็ว
ไอดีซีผู้ให้บริการชั้นนำด้านการวิจัยและคำแนะนำด้านไอทีระดับโลกได้ออกรายงานฉบับใหม่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการจัดลำดับความสำคัญทางธุรกิจและทางเทคโนโลยีที่แตกแต่งกันอย่างชัดเจน ในขณะที่ฟอร์ติเน็ต (Fortinet(R)) ผู้นำด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะช่วยให้ผู้บริหารด้านความปลอดภัย (CISO) และทีมงานขององค์กรประสบความสำเร็จในโลกนิยมดิจิทัลเป็นอันดับหนึ่ง (Digital-first world) ในขณะนี้
รายงาน "หยุดการโต้ตอบ แล้วมาเริ่มวางแผนกลยุทธ์" จากไอดีซี (เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2564) หรือ IDC InfoBrief: Stop Reacting, Start Strategizing (August 2021, IDC Doc #AP241253IB) ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยฟอร์ติเน็ตนั้น ได้ระบุถึงแนวโน้ม ความเสี่ยง และความท้าทายมีเอกลักษณ์ที่เกิดขึ้นใน 6 ประเทศทั่วภูมิภาค ควบคู่ไปกับลำดับความสำคัญด้านธุรกิจและเทคโนโลยีที่ยังไม่ตรงกัน
ลำดับความสำคัญที่ยังไม่ตรงกัน
จากการวิจัยของไอดีซีพบว่า ผู้บริหารระดับสูง (CxOs) ให้ความสำคัญไปที่การสร้างความยืดหยุ่น/ลดความเสี่ยง (61%) และการลดต้นทุน/การใช้การลงทุนให้เหมาะสม (63%) เป็นลำดับความสำคัญสูงสุดทางธุรกิจ ในขณะที่ทีมเทคโนโลยีเชื่อมั่นว่าการลงทุนด้านการรักษาความปลอดภัยด้านไอทีและการเปลี่ยนไปใช้โมเดลไฮบริดคลาวด์เป็นแนวทางที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาความเสี่ยงที่ธุรกิจอาจหยุดชะงักและด้านความปลอดภัยไซเบอร์ได้ดี อย่างไรก็ตาม ไอดีซีพบว่าการนำเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยมาใช้เพื่อลดความเสี่ยง เป็นหนึ่งในลำดับความสำคัญด้านเทคโนโลยีที่ต่ำที่สุด (33%)
CISO ในทุกประเทศต้องเผชิญกับความท้าทายในการสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถ ซึ่งในทางตรงกันข้าม พบว่าผู้บริหารให้ความสำคัญด้านการปรับปรุงความสามารถในการดึงดูดและรักษาพนักงานที่ดีในปีพ.ศ. 2565 นั้นอยู่ในลำดับที่ 7
ภายในความขัดแย้งของการจัดลำดับความสำคัญที่ไม่ตรงกันดังกล่าวนั้น องค์กรจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์มาพัฒนาเอื้อเสริมธุรกิจและบรรลุถึงศักยภาพทางธุรกิจและทางเทคโนโลยีอันแท้จริงร่วมกัน
ชาญวิทย์ อิทธิวัฒนะ ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฟอร์ติเน็ตกล่าวว่า "CISO ย่อมจะมีความกังวลมากถึงการรักษาธุรกิจให้ปลอดภัยท่ามกลางสถานการณ์ที่เกิดภัยคุกคามทางไซเบอร์เพิ่มขึ้นมากและพื้นผิวเสี่ยงถูกโจมตีขององค์กรขยายกว้างออกไปอยู่ตลอดเวลานี้ ผู้บริหารที่รับผิดชอบด้านเทคโนโลยีจึงจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยให้สอดคล้องกับลำดับความสำคัญของผู้บริหาร C-suite อื่นๆ อันรวมถึง การปรับค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมยิ่งขึ้น สนับสนุนธุรกิจให้เจริญเติบโต และช่วยพัฒนาความยืดหยุ่นของธุรกิจ ทั้งนี้ CISO ที่ทำงานร่วมกับพันธมิตรที่เหมาะสมจะสามารถจัดลำดับความสำคัญของผู้บริหารให้ตรงกันได้และขจัดปัญหาด้านการสรรหาบุคลากรด้านไอที จะช่วยให้องค์กรสามารถกำหนดกลยุทธ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบองค์รวมได้ดีที่สุดและประสบความสำเร็จในด้านปฏิบัติการด้นความปลอดภัยไซเบอร์ต่างๆ "
ภูมิทัศน์ภัยคุกคามในประเทศไทย
จากรายงานของไอดีซี พบว่าความกังวลอันดับหนึ่งขององค์กรในประเทศไทยมุ่งเน้นไปที่เครือข่ายองค์กรที่มีอยู่ (38%) และเทคโนโลยีการดำเนินงานอันรวมถึงระบบสาธารณูปโภค (34%) นอกจากนี้ ยังเป็นที่น่าสังเกตว่า ถึงแม้ว่าคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นให้ขยายเวลาบังคับใช้พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ไปเป็นวันที่ 1 มิถุนายน 2565 แล้วก็ตาม องค์กรต่างๆ ยังจำเป็นจะต้องเริ่มเตรียมมาตรการที่เหมาะสมให้ทันการ
นอกจากนี้ จากข้อมูลภัยคุกคามอัจฉริยะจากฟอร์ติการ์ดแล็บส์ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้พบว่าภัยคุกคามและความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์นั้นมีจำนวนมากขึ้นและซับซ้อนมากขึ้น จากกลุ่มเป้าหมายเดิมที่เป็นกลุ่มผู้ใช้งานที่เป็นพนักงานแบบไฮบริดที่ทำงานทั้งบ้านและที่ทำงาน นักศึกษาที่ต้องเรียนที่บ้าน รวมถึงจุดอ่อนที่ส่วนในและนอกเครือข่ายแบบดั้งเดิมนั้น ได้ขยายการคุกคามกว้างขวางขึ้นไปยังกลุ่มองค์กร ผู้ใช้งานตามบ้าน และโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ ดังนี้
สำหรับในประเทศไทยนั้น องค์กรยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงและภัยคุกคามจากการโจมตีทุกด้าน อย่างไรก็ตาม ไอดีซีเปิดเผยว่ามีองค์กรจำนวนเพียง 6.7% ขององค์กรในประเทศไทยที่วางแนวทางอันแข็งแกร่งในการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์
ฟอร์ติเน็ตแนะนำการปฏิบัติที่ดีที่สุด ดังนี้:
เมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มและความท้าทายเหล่านี้แล้ว องค์กรต่างๆ จะต้องปรับใช้กลยุทธ์ทางธุรกิจและความปลอดภัยหลายประการ เพื่อให้แน่ใจว่าองค์กรจะสามารถปฏิบัติงานได้อย่างราบรื่นและธุรกิจมีความยืดหยุ่น ในขณะที่พัฒนาสถาปัตยกรรมไอทีและความเสี่ยงด้านความปลอดภัยให้รวดเร็วมากขึ้น คำแนะนำรวมถึง:
ไซม่อน พิฟ รองประธานฝ่ายปฏิบัติด้านความปลอดภัยของไอดีซี เอเชีย/แปซิฟิก กล่าวว่า "รายงาน IDC InfoBrief นี้เน้นย้ำถึงความเกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องของผู้บริหารและทีมรักษาความปลอดภัยในโลกยุคดิจิทัล เราเห็นความจำเป็นที่ผู้บริหารด้านความปลอดภัยต้องพิจารณาและปรับกลยุทธ์ด้านความปลอดภัยของตนเองให้สอดคล้องกับเป้าหมายของบริหารองค์กร นอกจากนี้ ไอดีซีเห็นว่าการเลือกทำงานร่วมกับพันธมิตรด้านความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ และมีความเชี่ยวชาญ สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกที่องค์กรไม่อาจเข้าถึงเองได้นั้นจะเป็นกลยุทธ์ในการแก้ไขปัญหาด้านความซับซ้อนของภัยและการขาดแคลนทรัพยากรไอทีในปัจจุบันได้ดีอีกด้วย"
ฟอร์ติเน็ตผู้มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์มีกลุ่มผลิตภัณฑ์โซลูชันการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ช่วยส่งเสริมให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถแก้ไขปัญหาด้วยตนเองได้ และตอบสนองต่อภัยคุกคามที่รู้จักและไม่รู้จักได้อย่างรวดเร็ว แพลทฟอร์มด้านความปลอดภัยซีเคียวริตี้แฟบริคของฟอร์ติเน็ตสามารถมอบการรักษาความปลอดภัยแบบองค์รวมแบบตั้งแต่ต้นทางจนปลายทางให้แก่องค์กรในทุกขนาด เพื่อเพิ่มศักยภาพในการมองเห็นได้ในวงกว้าง การผสานรวมที่ราบรื่น และการทำงานอย่างอัตโนมัติทั่วทั้งพื้นผิวการโจมตีทางดิจิทัล ด้วยการรักษาความปลอดภัยที่ผสานรวมเข้ากับการเชื่อมโยงเครือข่ายข้ามขอบเอดจ์ คลาวด์ อุปกรณ์ปลายทางปลาย และผู้ใช้งานทั้งหมด
รายงาน IDC InfoBrief: Stop Reacting, Start Strategizing แสดงผลการสำรวจของไอดีซีล่าสุด รวมถึง IDC Asia/Pacific CxO Study, กุมภาพันธ์ 2564, IDC's Global IT Skills Survey, เมษายน 2564 และ IDC's Asia/Pacific Digital Resiliency Scorecard มีนาคม 2564
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit