ในช่วงของมหกรรมกีฬาพาราลิมปิก โตเกียวเกมส์ 2020 ที่กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งจะมีการแข่งขันไปกันจนถึงวันที่ 5กันยายน 2564 นี้ เชื่อว่าหากใครได้ติดตามดูการแข่งขันคงจะได้รับพลังใจดี ๆ จากเหล่านักกีฬาคนพิการที่ร่วมเข้าแข่งขันอย่างแน่นอน หรืออย่างน้อยก็เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ทุกคนหันมาออกกำลังกายกันมากขึ้น เพราะพวกเขาเหล่านี้ล้วนได้แสดงให้คนทั้งโลกเห็นว่าไม่ว่าใครจะมีร่างกายอย่างไรก็สามารถออกกำลำลังกายและเล่นกีฬาได้ ยิ่งหากมีความตั้งใจด้วยก็สามารถทำทุกอย่างและประสบความสำเร็จได้เช่นกัน โดยครั้งนี้ซิตี้แบงก์จะพาทุกคนไปชมทริคการออกกำลังกายง่าย ๆ ของนักกีฬาหญิงคนแกร่ง เอ๋-อรวรรณ บุตรโพธิ์ นักกีฬายกน้ำหนักคนพิการทีมชาติไทย หนึ่งในนักกีฬาคนพิการจากทั่วโลกที่ซิตี้ให้การสนับสนุน ที่เธอบอกว่าต้องพยายามทำให้ตัวเองมีวินัยกับในทุก ๆ เรื่องโดยเฉพาะการออกกำลังกายและการซ้อมกีฬา
แน่นอนว่าไม่มีใครรู้จักร่างกายของตัวเองดีไปมากกว่าตัวเราเอง ดังนั้นก่อนออกกำลังกายในแต่ละครั้ง อันดับแรกคือควรเช็คและตรวจสอบสมรรถภาพร่างกายของตัวเองให้ดีว่าเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้ร่างกายมีอาการ หรือเป็นโรคอะไรที่ต้องควรระมัดระวังอยู่หรือไม่ รวมถึงการตรวจอวัยวะว่ามีส่วนไหนกำลังเป็นปัญหาด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะที่เป็นพวกข้อต่อ เช่น แขน ขา ข้อ คอ หรือเข่า ฯลฯ เพราะการเช็คร่างกายก่อนที่จะออกกำลังกายทุกครั้งจะทำให้เราสามารถเลือกเล่นกีฬา หรือเลือกการออกกำลังกายที่เหมาะสมและไม่เป็นอันตรายต่อตนเองได้นั่นเอง
เพราะร่างกายเราประกอบไปด้วยทั้ง เซลส์ เส้นประสาท กระดูก และข้อต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดล้วนมีการเชื่อมต่อกัน ดังนั้นการออกกำลังกายก็เป็นสิ่งหนึ่งที่อาจทำให้ร่างกายเกิดอาการบาดเจ็บได้ ถึงแม้จะเจ็บแค่เพียงส่วนเดียวแต่ก็อาจทำให้ส่วนอื่น ๆ ในร่างกายที่มีการเชื่อมต่อกันเกิดปัญหาตามมาได้ ดังนั้นก่อนออกกำลังกายทุกครั้งจึงควรมีการอบอุ่นร่างกาย หรือการวอร์มอัพ (Warm-up) ที่ทุกคนรู้จักกันดีเพื่อให้ร่างกายได้การเรียนรู้และเตรียมพร้อมเสียก่อน รวมถึงหากออกกำลังกายเสร็จแล้วก็ควรให้ร่างกายได้ คูลดาวน์ (Cool-down) หรือ การยืดเหยียดร่างกาย เพื่อให้ร่างกายได้ค่อย ๆ ปรับตัวเพื่อกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
แม้เธอจะเป็นนักกีฬา การออกกำลังกายและซ้อมกีฬาเป็นกิจวัตรปกติที่เธอต้องทำ แต่เธอก็ยอมรับว่าก็มีความขี้เกียจและรู้สึกท้อเหมือนทุก ๆ คนเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงพยายามทำให้ตัวเองมีแรงบันดาลใจในการทำสิ่งต่าง ๆ และตั้งเป้าหมายในชีวิตอยู่เสมอ เพราะถ้าแค่ร่างกายแข็งแรงแต่จิตใจไม่เข้มแข็งพอก็อาจไม่สามารถทำให้ไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้ ดังนั้นในด้านของจิตใจ ทุก ๆ วันเธอจะเริ่มต้นที่ตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก และค่อยรับกำลังใจจากคนรอบ ๆ ตัวเอามาเป็นแรงผลักดันให้กับตนเองเพิ่มเติม เพื่อให้ทั้งร่างกายและจิตใจมีความแข็งแกร่งในการทำสิ่งต่าง ๆ ไปพร้อม ๆ กัน
สุดท้ายนี้ เอ๋-อรวรรณ บอกว่ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งในสองซิตี้แอมบาสซาเดอร์นักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย คู่กับ "เรวัตร์ ต๋านะ" นักกีฬาวีลแชร์เรสซิ่ง พร้อมขอขอบคุณซิตี้แบงก์ที่ได้มองเห็นถึงความพยายามในการเป็นนักกีฬาของตัวเองตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เพราะการสนับสนุนจากซิตี้ทำให้ตนเองได้รับโอกาสดี ๆ ทั้งด้านทุนทรัพย์ทำให้สามารถดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัวได้เป็นอย่างดี รวมถึงการได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ทั้งคนพิการหลาย ๆ คน ตลอดจนคนปกติทั่วไปได้เห็นถึงความตั้งใจ ความมุ่งมั่นของตนเอง พร้อมเอาแรงบันดาลใจหรือแรงผลักดันที่ได้รับจากตนเองที่ถึงแม้จะเป็นคนพิการก็สามารถดำเนินชีวิตและใช้กีฬาเป็นเครื่องมือในการพิชิตความฝันและก้าวสู่เป้าหมายให้สำเร็จได้ไม่แพ้คนปกติทั่วไป
ทั้งนี้ซิตี้ในฐานะองค์กรชั้นนำระดับโลกที่ตระหนักและให้ความสำคัญเรื่องความเท่าเทียม ไม่แบ่งแยก และการเคารพในความหลากหลาย ได้ร่วมมือกับคณะกรรมการพาราลิมปิกสากล หรือ IPC ในการเป็นพันธมิตรระดับนานาชาติ พร้อมให้การสนับสนุนคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งชาติ (NPC) ใน 23 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ผ่านการดำเนินงานด้านแคมเปญการสื่อสารระหว่างประเทศ การโปรโมทกิจกรรม ตลอดจนการสนับสนุนทุนทรัพย์สำหรับนักกีฬาพาราลิมปิก เพื่อสร้างความรับรู้ และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของการมีส่วนร่วมในสังคมของผู้พิการให้กับสังคมโลกผ่านความสามารถ ความมุ่งมั่น และแรงบันดาลใจที่สะท้อนผ่านนักกีฬาพาราลิมปิก ซึ่งการแข่งขันพาราลิมปิก โตเกียวเกมส์ 2020 มีนักกีฬาพาราลิมปิกจากทั่วโลกที่ซิตี้ให้การสนับสนุนเข้าร่วมการแข่งขันจำนวนทั้งหมด 41 คนจาก 27 ประเทศ พร้อมกันนี้ซิตี้ทั่วโลกได้ให้พนักงานมีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งตลอดระยะเวลาการแข่งขัน โดยเชิญชวนให้พนักงานร่วมเชียร์นักกีฬาซิตี้พาราลิมปิกได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้พื้นหลังแบบใหม่สำหรับโปรแกรม Zoom Meeting หรือติดตามร่วมเชียร์นักกีฬาผ่านโซเชียลมีเดียโดยใช้ #StareatGreatness
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit