กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จับมือ 50 เชฟอาหารไทยชื่อดัง เปิดมิติใหม่อลังการ อาหารไทยเป็นยาที่อร่อยที่สุดในโลก !!

15 Sep 2021

กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ผนึกกำลัง 50 เชฟอาหารไทยชื่อดัง ระดับเวิลด์คลาสเปิดตัวเมนูอาหารไทยที่มีคุณประโยชน์ทางยา และส่งเสริมสุขภาพ ยกระดับวัฒนธรรมอาหารไทยมิติใหม่ ตอบโจทย์คนรักสุขภาพทั่วโลก

กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม  จับมือ 50 เชฟอาหารไทยชื่อดัง  เปิดมิติใหม่อลังการ อาหารไทยเป็นยาที่อร่อยที่สุดในโลก !!

กรมส่งเสริมวัฒนธรรมเปิดตัวโครงการ Thai Taste Therapy พร้อม 50 เชฟชื่อดังระดับเวิลด์คลาสที่มาร่วมสร้างสรรค์ 50 เมนูอาหารไทยที่มีคุณประโยชน์ทางยาและส่งเสริมสุขภาพ เผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์ม www.ThaiTasteTherapy.com ส่งออกวัฒนธรรมอาหารไทยในมิติใหม่ อาหารไทยเป็น "ยาที่อร่อยที่สุดในโลก"

คุณชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม มีหน้าที่สืบสานรักษาและต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมให้ยั่งยืน ที่ผ่านมากรม ฯ จึงได้ขึ้นทะเบียนอาหารไทย 20 รายการ เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม อาทิ ต้มยำกุ้ง แกงเผ็ด แกงพุงปลา แกงเขียวหวาน ส้มตำ เป็นต้น และในอนาคตเราตั้งใจที่จะขึ้นทะเบียนอาหารไทยอีกหลายรายการ การจะสืบสานวัฒนธรรมให้ยั่งยืนนั้นต้องได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย เช่น มรดกภูมิปัญญาก็ต้องมีชุมชนหรือชาวบ้านที่เป็นเจ้าของมรดกมาต่อยอดจึงเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมวัฒนธรรมกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชนที่ได้ร่วมกันจัดโครงการไทยเทสเทอราปี (Thai Taste Therapy) ขึ้นเพื่อยกระดับวัฒนธรรมอาหารไทยสู่นานาชาติด้วยการนำเสนอคุณประโยชน์ของอาหารไทยในมิติของสรรพคุณทางยาที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพซึ่งนับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทำโครงการ ฯ นี้ ที่สอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ทุกคนใส่ใจเรื่องการกินมากขึ้น อาหารไทยคือ Soft Power ที่มีศักยภาพในการเข้าถึงนานาประเทศ ผมมั่นใจว่าโครงการไทยเทสเทอราปี (Thai Taste Therapy) จะตอกย้ำให้ทั่วโลกเชื่อมั่นเรื่องความอร่อยของอาหารไทย และยังสร้างมุมมองใหม่ที่ว่า อาหารไทยเป็น "ยาที่อร่อยที่สุดในโลก" ได้แน่นอน

เหล่าเชฟและร้านอาหารต่างก็ขานรับกันยกขบวนนำเสนอเมนูความอร่อยฉบับสุขภาพนำเสนอเหล่าเมนูพิเศษจากเหล่าเชฟ ชื่อดังที่รังสรรค์เมนูใหม่สำหรับโครงการไทยเทสเทอราปี Thai Taste Therapy แน่นด้วยรสชาติและสรรพคุณ เชฟเอ็กซ์ อรรถพล ไนโต ถังทอง กล่าวว่า "ผมเลือกทำสปาเก็ตตี้น้ำพริกอ่องกระชายโดยการรังสรรค์เส้นหนึบฉบับอิตาเลี่ยนมาผสมผสานรสชาติน้ำพริกอ่องของไทยซึ่งอุดมด้วยมะเขือเทศราชินี ที่ทำให้เมนูนี้อุดมด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และที่พิเศษคือผมได้เพิ่มกระชายขาวซึ่งมีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการไอและไข้หวัด"

ฝ่ายด้านเชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ ผู้ก่อตั้งร้านอาหาร Blue Elepant 7 สาขาทั้งในและต่างประเทศ "ดิฉันได้ดีไซน์เมนูใหม่ขึ้นมาเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับโครงการ ฯ คือต้มยำกุ้งแม่น้ำสูตรเฉพาะสำหรับโครงการ ฯ รสจัดจ้านสไตล์ไทยนะคะ อันประกอบไปด้วยข่าที่ป้องกันการแพ้และเชื้อไวรัส ที่สำคัญคือตัวกุ้งแม่น้ำตัวโตที่เสริมการทำงานระบบภูมิคุ้มกัน และเห็ดฟางที่ช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของไวรัสที่ทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่ได้ดิฉันภูมิใจ และมั่นใจว่าต้มยำกุ้งของไทยเป็นที่หนึ่งในโลกอย่างแน่นอนค่ะ"

ฝ่ายด้านเชฟมิชลินสตาร์ แอนดี้ ยังเอกสกุล ก็ขนเมนูเด็ดมาแนะนำ
"ผมเลือกใช้กุ้งแชบ๊วยประมงเรือเล็กที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่เสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน พร้อมมะขามเปียกช่วยสร้างภูมิต้านทานร่างกาย เพื่อให้ทุกท่านได้มีมีความสุขกับรสชาติและป้องกันร่างกายของเราจากโรคภัยต่าง ๆ ไปด้วยกันนะครับ" นอกจากนี้ยังมี เมนูข้าวขยำมันกุ้งจากเชฟนิควิพิทธิจักษ์ ข้าวยำสมุนไพรจากเชฟปิง สุรกิจเข็มแก้ว พิธีกรรายการ Fin's Kitchen และเชฟบาส วัฒนศักดิ์ ข้าวมันตะไคร้หน้าหมูย่าง ราดซอสพริกไทยดำไข่ดองน้ำปลา ฯลฯ

HTML::image(