ปวดหัว ตัวร้อน กิน "พาราเซตามอล" เท่าไหร่ถึงจะพอดี?

15 Sep 2021

ปวดหัว ตัวร้อน กิน "พาราเซตามอล" เท่าไหร่ถึงจะพอดี?

ปวดหัว ตัวร้อน กิน "พาราเซตามอล" เท่าไหร่ถึงจะพอดี?

ยาพาราเซตามอลเป็นยาในกลุ่มลดไข้ บรรเทาอาการปวด ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายเพราะหาซื้อได้ง่าย ค่อนข้างปลอดภัย ใช้ได้ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ และใช้ได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งยาของแพทย์ แต่เพราะความง่ายนี่เองที่ทำให้หลายคนปวดหัวนิด เป็นไข้หน่อยก็กินแต่ยาพาราเซตามอลยิ่งช่วงนี้คนที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อาจมีผลข้างเคียงทำให้ปวดศีรษะ หรือมีไข้ได้ทำให้ต้องกินยาพาราเซตามอล แต่รู้ไม่ว่า? ถ้าเราใช้อย่างไม่เหมาะสมหรือใช้มากเกินไปก็อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้เช่นกัน

โดยปริมาณที่เหมาะสมในการทานยาพาราเซตามอลของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน ต้องพิจารณาจากรูปร่าง น้ำหนัก และอายุของผู้ที่ทานด้วย สามารถคำนวณโดยให้เอาน้ำหนักตัวคูณด้วย 10 หรือ 15 จะได้ขนาดยาเป็นมิลลิกรัมที่เหมาะกับตัวเรา ** แต่ต้องไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อครั้ง แต่ถ้าตัวใหญ่คูณน้ำหนักแล้วเกิน 1,000 มิลลิกรัม ก็กินได้ไม่เกิน 2 เม็ดตัวอย่าง การทานยาพาราเซตามอล ขนาด 500 มิลลิกรัม / เม็ด

  • น้ำหนัก 34-50 กิโลกรัม ให้ทานแค่ 1 เม็ด ไม่เกิน 5-6 ครั้งต่อวัน
  • น้ำหนัก 50-75 กิโลกรัม ให้ทานแค่ 1 เม็ดครึ่ง ไม่เกิน 4-5 ครั้งต่อวัน
  • น้ำหนัก 75 กิโลกรัมขึ้นไป ให้ทานแค่ 2 เม็ด ไม่เกิน 3-4 ครั้งต่อวัน

** การทานยาแต่ละครั้งต้องห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง และไม่ควรใช้ยาติดต่อกันเกิน 5 วัน ในผู้ที่มีน้ำหนัก 50 กิโลกรัมนั้น สามารถทานยา 1 เม็ด หรือ 1 เม็ดครึ่งก็ได้ หรือคนที่มีน้ำหนัก 75 กิโลกรัม จะทาน 1 เม็ดครึ่ง หรือ 2 เม็ดก็ได้เช่นกัน

การทานยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวดศีรษะ หรือเป็นไข้ สามารถหยุดทานยาได้ทันทีเมื่อไม่มีอาการ หรือใครที่ทานยาแล้วมีอาการแปลกๆ เช่น มีผื่นแดง บวมที่ใบหน้า คลื่นไส้ อาเจียน ต้องหยุดทานยาแล้วรีบไปพบแพทย์ทันที

นอกจากนี้ยังต้องระวังการใช้ยาซ้ำซ้อนกับยาอื่นที่มีพาราเซตามอลเป็นส่วนประกอบ เพราะอาจทำให้ได้รับยาเกินขนาด ดังนั้นก่อนทานยาทุกชนิดควรอ่านฉลากให้ละเอียด หรือถ้าไม่แน่ใจให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนทุกครั้ง

แม้ว่าพาราเซตามอลจะเป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัย มีผลข้างเคียงน้อย แต่หากทานในปริมาณที่มากเกินไป หรือทานติดต่อกันนานเกินไป ก็อาจส่งผลเสียต่อตับถึงขั้นตับทำงานผิดปกติ เกิดภาวะตับเป็นพิษ จนอาจนำไปสู่ภาวะตับวาย หรืออาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน

 

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit