ผลการศึกษาเรื่อง "นักช้อปที่ถูกลืม 2021" (Forgotten Shopper 2021) ในประเทศไทย โดย วันเดอร์แมน ธอมสัน ประเทศไทย พบว่าแบรนด์ นักการตลาด และผู้โฆษณา ต่างเฮโลกันสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z และมิลเลนเนียลกันอย่างมากมายในช่วงปีหลังๆ นี้ จนผู้บริโภครุ่นอายุก่อนหน้าอาจรู้สึกถูกมองข้ามหรือหมางเมิน แบรนด์ลืมไปแล้วว่าไม่ได้มีเพียงผู้บริโภครุ่น Gen Z และมิลเลนเนียลเท่านั้นที่มีเงินและศักยภาพในการใช้จ่าย ที่จริงแล้วคนรุ่นอาวุโสกำลังค้นหาความสุขในช่วงชีวิตวัยหนุ่มสาวของพวกเขาอีกครั้ง มีเวลาที่จะหาความสุขได้อย่างเต็มที่ และมีกำลังซื้อสูงไม่แพ้ผู้คนในรุ่นอายุน้อยกว่าอีกด้วย
กลุ่มประชากรผู้สูงวัยในประเทศไทยกำลังขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สถานะสังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ ในปี 2564 ประชากรไทยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นจนมีมากกว่า 11 ล้านคน หรือคิดเป็น 17% ของประชากรทั้งประเทศ การศึกษาจากหลายแหล่งได้เคยแตะประเด็นความท้าทายของการที่อายุของประชากรมีค่าเฉลี่ยสูงขึ้น แต่มีไม่กี่แหล่งเท่านั้นที่ได้สำรวจตรวจสอบอย่างแท้จริงจนถึงขั้นที่มองเห็นเซ็กเมนท์ซึ่งได้รับความใส่ใจน้อยที่สุด อย่างเช่นคนรุ่น50+ หรือ Silver Generation แบรนด์พากันพุ่งความสนใจอย่างมากมายไปที่คนในรุ่นอายุน้อยกว่า มุ่งตอบสนองความจำเป็นและความต้องการของพวกเขาเป็นหลัก และมักจะมองข้ามชาว Silver Gen ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ที่จริงแล้วกลุ่ม Silver Gen และกำลังซื้อของพวกเขาเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากพวกเขากระตือรือร้นกับการเสาะแสวงหาสิ่งใหม่ๆ อีกทั้งภาวะของการสูงวัยได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วเนื่องจากช่วงชีวิตของคนที่ยืนยาวยิ่งขึ้นและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในด้านต่างๆ
Forgotten Shopper เป็นส่วนหนึ่งของ ฟิวเจอร์ ช้อปเปอร์ 2021 (Future Shopper 2021) การศึกษาชุดที่ 3 ในซีรีส์ Future Pulse Survey ของวันเดอร์แมน ธอมสัน ซึ่งเป็นการศึกษาตลาดธุรกิจพาณิชย์ทั่วโลก โดยวันเดอร์แมน ธอมสัน ได้สำรวจความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถาม 28,000 คนในกลุ่ม Silver Gen อายุ 50 ปีขึ้นไปทั้งเพศชายและหญิงใน 17 ประเทศทั่วโลก และมุ่งให้ความสนใจเป็นพิเศษกับการวิเคราะห์และทำความเข้าใจกับอุปนิสัยในการจับจ่าย ความชื่นชอบ และพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ค้นหาคำตอบว่าพวกเขาปรับตัวเข้าหาช่องทางออนไลน์อย่างไรเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นในช่วงที่เกิดโรคระบาด และคิดว่าจะมีวิธีการจับจ่ายอย่างไรและที่ไหนในอนาคต ซึ่งในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาทั่วโลก Forgotten Shopper 2021 ในไทยได้สำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคชาวไทยทั่วประเทศ โดยใช้กลุ่มตัวอย่างในการทำสำรวจทั้งในเชิงปริมาณและการสัมภาษณ์เชิงลึกรวม 350 คนที่เป็นคนสัญชาติไทยอายุ 45 - 65 ปี แบ่งเป็นเพศชาย 50% และเพศหญิง 50%
"ผลการศึกษาเผยให้เห็นว่านักช้อป Silver Gen เป็นคนรุ่นที่มีพลังขับเคลื่อนและมีอิทธิพลต่อตลาดสูงที่สุดรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว พวกเขามีผลต่ออุตสาหกรรมค้าปลีกในปัจจุบันอย่างมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะได้รับความสนใจมากเทียบเท่ากับกลุ่มมิลเลนเนียลเสมอไป" มัวรีน ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วันเดอร์แมน ธอมสัน ประเทศไทย กล่าว "ชาว Silver Gen เป็นกลุ่มที่แบรนด์ นักการตลาด และผู้โฆษณา มักจะมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนและละเลยพวกเขาไป การศึกษาเรื่อง Forgotten Shopper 2021 ของไทยใน 4 แง่มุม คือ วิธีคิดและการรับรู้, ครอบครัวและชีวิตทางสังคม, สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี, ชีวิตเกษียณและการเงิน และ เทคโนโลยีและสื่อ จะช่วยให้แบรนด์ในประเทศไทยสามารถนำข้อมูลเชิงลึกอันทรงคุณค่าเกี่ยวกับตลาดเมืองไทยเหล่านี้มาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินกลยุทธ์ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ และวางแผนการให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันออกไปตามรุ่นและกลุ่มอายุที่แตกต่างกัน"
วิธีคิดและการรับรู้: หนุ่มๆ สาวๆ ที่รัก คนที่อายุเกิน 50 ไม่ได้เป็นมนุษย์ป้า-มนุษย์ลุงกันทุกคนหรอกนะ
ช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไปถือว่าเป็นวัยผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะสูง ได้ผ่านเหตุการณ์ในช่วงชีวิตต่างๆ มามากมาย ตั้งแต่การสร้างครอบครัว การทำงานสร้างเนื้อสร้างตัว และกลายเป็นผู้มีส่วนร่วมจรรโลงสังคม พวกเขาได้ใช้เวลาครึ่งชีวิตเพื่อสร้างรากฐานและความมั่นคงให้กับลูกหลานของตน และในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะมอบรางวัลให้ตัวเองสำหรับหยาดเหงื่อแรงงานที่ได้เคยทุ่มเทลงไป พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างสาแก่ใจ พาตนเองเดินหน้าสู่หลักชัยสำคัญต่างๆ และหลังจากทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อสร้างความสำเร็จมานานหลายสิบปี วันนี้ถึงเวลาแล้วที่จะใช้ชีวิตให้ช้าลง พักผ่อน และมีความสุขกับชีวิต การที่พวกเขามีอายุมากขึ้นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่สนใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่เปิดรับความคิดใหม่ๆ อีกต่อไป หรือจะใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเลี้ยงดูหลานๆ และกลายเป็นคนไร้เหตุผลหรือมีข้อเรียกร้องต่างๆ มากมาย
สรุปประเด็นเรื่องวิธีคิดและการรับรู้ของคนกลุ่ม Silver Gen
ในขณะที่ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนผ่านสู่สังคมผู้สูงวัย แบรนด์จะต้องก้าวข้ามทัศนคติเหมารวมเกี่ยวกับผู้สูงอายุ พร้อมกับปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์และโอกาสใหม่ๆ และพุ่งความสนใจไปที่ความต้องการและสิ่งที่เป็นความสนใจของผู้บริโภคอย่างเต็มที่ แทนที่จะคำนึงถึงอายุของพวกเขา
สิ่งที่แบรนด์ควรทำ
ครอบครัวและชีวิตทางสังคม: เราไม่เคยมองว่าการดูแลลูกๆ เป็นการลงทุน ที่จริงแล้วเรายังคงคอยเกื้อหนุนพวกเขาอยู่เสมอ
สำหรับคนไทยส่วนใหญ่ ครอบครัวถือเป็นรากฐานสำคัญของชีวิตทางสังคม ผู้สูงวัยเป็นบุคคลที่ได้รับการเคารพนับถืออย่างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครอบครัวชาวไทยซึ่งผู้ที่อ่อนวัยกว่าจะถือว่าพ่อแม่และผู้สูงวัยเป็นผู้มีพระคุณอย่างสูง และชาวไทยยังยึดถือธรรมเนียมว่าลูกจะต้องทำหน้าที่ดูแลพ่อแม่ยามแก่เฒ่าอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การศึกษาแสดงให้เห็นว่าชาว Silver Gen ที่อายุ 50 ปีขึ้นไปยังเป็นที่พึ่งพาและเป็นผู้ดูแลครอบครัว คนส่วนใหญ่ในรุ่นนี้ คิดเป็นสัดส่วน 75% ยังคงต้องทำหน้าที่ดูแลสมาชิกในครอบครัวและช่วยเลี้ยงดูเด็กๆ และในหลายกรณี ผู้ที่มาจากชนบทจะเป็นผู้เลี้ยงดูหลานๆ ในขณะที่ลูกๆ ของพวกเขาที่เป็นผู้ใหญ่แล้วจะทำงานเต็มเวลาในกรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ ซึ่งในกรณีเหล่านี้การศึกษาชี้ว่าผู้ตอบแบบสอบถาม 44% ยังให้คงอุ้มชูครอบครัวในเรื่องเงินและยังคงเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ
ชาว Silver Gen มีรายได้โดยเฉลี่ยเทียบเท่ากับค่าแรงต่อเดือนของประเทศไทย โดย 50% มีรายได้ 10,000 - 25,000 บาทต่อเดือน และรายได้ของพวกเขาไม่ได้สูงกว่าคนในรุ่นอื่นๆ แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เงินจุนเจือจากลูกๆ ที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่ นอกจากนี้พวกเขายังใช้ชีวิตที่สมดุลและมีเวลาอย่างเหลือเฟือ จากผู้ตอบแบบสอบถาม 83% ชาว Silver Gen ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปยังคงเข้าสังคมอย่างกระตือรือร้นและติดต่อกับผู้อื่นอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งในขณะที่มีอายุมากขึ้น พวกเขาชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศและการเดินทางไปประเทศเพื่อนบ้านในแถบเอเชีย
สรุปประเด็นเรื่องครอบครัวและชีวิตทางสังคมของคนกลุ่ม Silver Gen
สิ่งที่แบรนด์ควรทำ
สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี: ฉันไม่ต้องการดูเด็กเหมือนอายุ 25 แต่ฉันอยากเป็นผู้หญิงอายุ 56 ที่สวยสมวัย
การสูงวัยอย่างกระฉับกระเฉง (Active Aging) คือกระบวนการสร้างภาวะที่เหมาะสมที่สุดที่จะเอื้อให้เกิดโอกาสต่างๆ ในด้านสุขภาพ การมีส่วนร่วม และความมั่นคง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตในขณะที่คนเรามีอายุเพิ่มมากขึ้น อาจกล่าวได้ว่าผู้สูงวัยใช้ชีวิตตามแนวทาง Active Aging เมื่อพวกเขาสนุกกับการรักษาความสมบูรณ์แข็งแรงและความกระฉับกระเฉงของร่างกาย ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ยิ่งขึ้นและมีความสุขมากขึ้น ผู้ตอบแบบสอบถาม 79% ระบุว่าพวกเขาให้ความใส่ใจกับสุขภาพร่างกายมากกว่าสุขภาพจิต ซึ่งโดยทั่วไปชาว Silver Gen วัย 50 ปีขึ้นไปชอบเดินหรือจ๊อกกิ้งมากที่สุด ตามมาด้วยการปั่นจักรยานและการฝึกโยคะ สำหรับผู้สูงอายุแล้ว การประเมิน การตรวจคัดกรอง และการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเป็นเรื่องสำคัญ เพราะช่วยให้ตรวจพบความผิดปกติได้แต่เนิ่นๆ สามารถป้องกันหรือบรรเทาผลกระทบหากมีโรคภัยใดๆ แฝงอยู่ ถึงกระนั้นก็ตาม การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอยังคงไม่ใช่สิ่งที่คนในรุ่นนี้ถือปฏิบัติเป็นปกติ การศึกษาครั้งนี้พบว่าผู้ตอบแบบสอบถาม 60% เข้ารับการตรวจสุขภาพเพียงปีละครั้งหรือเมื่อรู้สึกไม่สบายเท่านั้น ซึ่งปัญหาสุขภาพและโรคที่พบได้บ่อยและสร้างความกังวลให้คนรุ่นนี้มากที่สุด 3 อันดับแรกได้แก่ โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง
แม้ว่าระบบภูมิคุ้มกันของคนเราจะอ่อนแอลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น แต่ยังมีวิธีการบางอย่างที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยย้อนเวลาให้กับระบบภูมิคุ้มกันได้ อาทิ การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินเป็นประจำทุกวัน ดังนั้นผู้ตอบแบบสอบถาม 57% จึงรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทุกวัน โดยเหตุผล 3 อันดับแรกได้แก่ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อสุขภาพกระดูกที่ดี และเพื่อการชะลอวัย นอกจากนี้สุขภาพจิตยังเป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน การมีจิตใจที่สงบเย็นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง และกิจกรรมที่ดำเนินไปอย่างช้าๆ จะช่วยคงสุขภาวะทางจิตที่ดีเอาไว้ได้ ซึ่งภาวะทางจิตเช่นนี้มีความเชื่อมโยงกับศาสนาและงานอดิเรกโดยธรรมชาติ ในกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยพบว่า การเข้าวัดช่วยทำให้จิตใจของพวกเขาสงบได้มากที่สุดในขณะที่พวกเขาพยายามก้าวให้ทันโลกที่หมุนอย่างรวดเร็ว
สรุปประเด็นเรื่องสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของคนกลุ่ม Silver Gen
สิ่งที่แบรนด์ควรทำ
ชีวิตเกษียณและการเงิน: ชีวิตเกษียณไม่มีอยู่จริง มันคือการเปลี่ยนวิธีคิดเรื่องการทำงาน
ชาว Silver Gen เชื่อว่าการที่พวกเขามีอายุมากขึ้นไม่ได้หมายความว่าชีวิตของพวกเขาหรือสิ่งที่พวกเขาเป็นอยู่จะเปลี่ยนแปลงไปในทันที และค่านิยม ความเชื่อ ทัศนคติ การรับรู้ และการให้ของพวกเขาก็เช่นกัน พวกเขายังเป็นคนคนเดิมเช่นเดียวกับที่เคยเป็นเมื่ออายุยังน้อยกว่านี้ พวกเขาจึงไม่เชื่อว่าชีวิตเกษียณมีอยู่จริง ชาว Silver Gen ส่วนใหญ่ คิดเป็น 71% ของผู้ตอบแบบสอบถาม มีชีวิตอยู่เพื่อทำงานและทำงานเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป และไม่ต้องการหรือมีการวางแผนเกษียณ ที่จริงแล้วบางคนไม่สามารถเกษียณได้เนื่องจากมีพันธะทางการเงินและยังจำเป็นต้องจุนเจือครอบครัว นี่คือสิ่งที่บอกเป็นนัยว่าคนที่เป็นหลักในการเลี้ยงดูครอบครัวมักจะเป็นผู้ใหญ่สูงวัยที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งเลยช่วงอายุที่หลายๆ แบรนด์วางให้เป็นกลุ่มเป้าหมายและมุ่งเน้นเป็นหลัก
แม้จะมีอายุล่วงเลยเข้าใกล้ช่วงวัยเกษียณ แต่ชาว Silver Gen ที่อายุ 50 ปีขึ้นไปหลายๆ คนกลับไม่มีแผนการลงทุน ซึ่งอาจเป็นเพราะเงินส่วนที่น่าจะเป็นทุนสำหรับชีวิตเกษียณของพวกเขาบางส่วนมีการนำไปดูแลลูกๆ และสมาชิกในครอบครัวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม พวกเขารู้สึกค่อนข้างมั่นใจกับอนาคตของตนเองแม้ว่าจะไม่มีแผนการลงทุน เพราะพวกเขาเชื่อว่าตนเองยังมีเวลาทำงานต่อไปอีกมากเพื่อเดินหน้าสร้างสิ่งที่ได้เริ่มเอาไว้แล้วและสร้างรายได้ต่อไป ดังนั้นจึงมีโอกาสทางธุรกิจมากมายให้แบรนด์สร้างการมีส่วนร่วมของชาว Silver Gen ได้ เพราะพวกเขายังคงทำงานอย่างแข็งขันและเป็นลูกค้าที่ทรงคุณค่า ในอีกด้าน ผู้ที่วางแผนการลงทุนเอาไว้แล้วจะซื้อสินทรัพย์แบบเดิมๆ เช่น ทองคำและอสังหาริมทรัพย์ ชาว Silver Gen ไม่สะดวกใจที่จะลงทุนในผลิตภัณฑ์และบริการที่จับต้องไม่ได้ พวกเขารู้สึกสบายใจกว่าที่จะใช้เงินของตนกับการลงทุนที่จับต้องได้ซึ่งให้ผลตอบแทนสูง
สรุปประเด็นเรื่องชีวิตเกษียณและการเงินของคนกลุ่ม Silver Gen
สิ่งที่แบรนด์ควรทำ
เทคโนโลยีและสื่อ: สื่อออนไลน์มีไว้เพื่อไม่ให้ขาดการติดต่อและติดตามข่าวคราว แต่ฉันเชื่อสื่อดั้งเดิมมากกว่า
ชาว Silver Gen เปิดใจเรียนรู้และทดลองเทคโนโลยีและแพลทฟอร์มโซเชียลมีเดียใหม่ๆ แต่ว่ายังมีอคติที่เป็นเสมือนกำแพงคือความไม่เชื่อถือ คนกลุ่ม Silver Gen ที่อายุ 50 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่จะติดต่อกับเพื่อนๆ โดยใช้สมาร์ทโฟนและหาความบันเทิงจากการดูโทรทัศน์ พวกเขาใช้เทคโนโลยีเพื่อเข้าถึงบริการต่างๆ อย่างหลากหลาย เช่น ช้อปปิ้งออนไลน์ กำหนดเวลาในการทำภาระหน้าที่ต่างๆ การศึกษา ฯลฯ แม้ว่าพวกเขาจะเริ่มเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ช้ากว่าคนรุ่นอื่นๆ แต่การใช้งานของพวกเขากำลังเพิ่มมากขึ้น และเทคโนโลยีกำลังกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของพวกเขา ชาว Silver Gen ผสานใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ต่างๆ เข้ากับกิจวัตรและพฤติกรรมที่มีอยู่แต่เดิมโดยที่ไม่ได้สร้างพฤติกรรมขึ้นใหม่ทั้งชุดเพื่อตามกระแสนิยมแต่อย่างใด
คนกลุ่ม Silver Gen ไม่หวังพึ่งพาหรือยังชีพด้วยสมาร์ทโฟนและโซเชียลมีเดียอย่างคนรุ่นอายุน้อยกว่าทำ พวกเขาเห็นโซเชียลมีเดียเป็นแหล่งความบันเทิง ไม่ใช่พื้นที่ในการไต่เต้าสถานะทางสังคม ยิ่งอายุมากขึ้น ชาว Silver Gen วัย 50 ปีขึ้นไปก็จะยิ่งใช้แพลทฟอร์มโซเชียลมีเดียน้อยลง การศึกษาครั้งนี้ยังพบว่าผู้บริโภคอายุ 45 - 60 ปีมีการเปิดรับและผสมผสานการใช้งานโซเชียลมีเดียหลากหลายแพลทฟอร์มเป็นอย่างมาก แต่ผู้บริโภคอายุ 61 ปีขึ้นไปจะใช้เฟซบุ๊คเป็นแพลทฟอร์มหลัก
ในส่วนของพฤติการการซื้อและการบริโภคของผู้สูงวัยพบว่า ผู้บริโภคอายุ 45 - 65 ปีจะซื้อผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นความต้องการของพวกเขาเอง อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาเผยให้เห็นว่าอัตราการเปิดรับแพลทฟอร์มอีคอมเมิร์ซยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับคนรุ่นอื่นๆ โดยสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญคือ สามารถคืนสินค้าได้ง่าย ชำระเงินปลายทางได้ และมีบริการส่งฟรี ซึ่งหากไม่มีบริการเหล่านี้ให้ก็มีแนวโน้มว่าพวกเขาจะหันไปเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ ผ่านช่องทางออฟไลน์มากกว่า นอกจากนี้การศึกษายังแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคอายุ 65 ปีขึ้นไปมีสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวช่วยซื้อของบนแพลทฟอร์มอีคอมเมิร์ซให้เนื่องจากอุปสรรคต่างๆ ที่พวกเขาประสบในการใช้ช่องทางอีคอมเมิร์ซ ยิ่งไปกว่านั้น คนดัง KOL และเหล่าผู้เชี่ยวชาญในเรื่องที่เป็นความสนใจคล้ายๆ กับพวกเขายังไม่มีอิทธิพลต่อชาว Silver Gen ที่อายุ 50 ปีขึ้นไปมากนัก แต่สิ่งที่มีอิทธิพลต่อพวกเขามากกว่าคือการได้เห็นจากผู้คนที่มีปัญหาคล้ายๆ กับตนเอง จึงกล่าวได้ว่าความรู้สึกร่วมและประสบการณ์ของคนดัง KOL และผู้เชี่ยวชาญน่าจะมีอิทธิพลต่อพวกเขาได้มากกว่าชื่อเสียงของคนเหล่านี้และการที่มีความสนใจคล้ายคลึงกัน
สรุปประเด็นเรื่องเทคโนโลยีและสื่อของคนกลุ่ม Silver Gen
กลุ่มคน Silver Gen มักถูกเหมารวมว่าเป็นคนรุ่นผมหงอกที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ใช้ชีวิตนิ่งๆ อยู่กับที่ และกลัวเทคโนโลยี แบรนด์จึงต้องศึกษาตลาดและปรับตัวเข้าหาพฤติกรรมของคนรุ่นนี้ พร้อมกับปรับเปลี่ยนการรับรู้และกลยุทธ์ที่ใช้ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการให้เป็นไปตามความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้
สิ่งที่แบรนด์ควรทำ
10 ประเด็นเด่นจากผลการศึกษา
7 สิ่งที่แบรนด์สามารถช่วยชาว Silver Gen ได้
"การช้อปปิ้งแห่งอนาคตในประเทศไทยได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปแล้วในช่วงปีหลังๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการระบาดของ COVID-19 แบรนด์ต้องไม่มองข้ามข้อเท็จจริงที่ว่า ในขณะที่คนรุ่นนี้แก่ตัวลง พวกเขาก็จะมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้นด้วย แบรนด์จะต้องคำนึงด้วยว่าคนทุกรุ่นมีความเชื่อมโยงกับแบรนด์ในแบบที่แตกต่างกันและมีวัตถุประสงค์ในการช้อปปิ้งที่แตกต่างกันออกไป จึงควรถอยกลับมาสักก้าวเพื่อพินิจพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในทุกแง่มุม ปรับเปลี่ยนโฟกัสให้ครอบคลุมผู้บริโภคทุกกลุ่มอายุ และวางแผนการดำเนินกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นที่สนใจของคนทุกกลุ่มอายุ" คุณมัวรีน กล่าวสรุป
วันเดอร์แมน ธอมสัน ประเทศไทย เป็นเอเยนซีที่ให้บริการด้านความคิดสร้างสรรค์ ข้อมูล และเทคโนโลยี พร้อมด้วยขีดความสามารถทางด้านการวิจัยตลาดขั้นสูง จึงสามารถมอบบริการสนับสนุนโดยใช้ข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่มีความสำคัญต่อลูกค้า บริษัทฯมุ่งเน้นให้บริการในฐานะเอเยนซีที่พร้อมรับมือกับอนาคตได้ดีที่สุดในประเทศไทย พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดีที่สุดของแบรนด์ด้วยบริการที่ครบถ้วนที่สุดในที่เดียว ทั้งด้านการสร้างประสบการณ์ลูกค้า, การออกแบบ, การสื่อสาร, CRM, คอมเมิร์ซ, การสร้างคอนเทนท์, กลยุทธ์ข้อมูล, การวิเคราะห์ข้อมูล, แคมเปญดิจิทัล, การตลาดเฉพาะบุคคล, ประชาสัมพันธ์, สื่อ, การบริหาร KOL และอินฟลูเอนเซอร์, ฝ่ายผลิต, โซเชียลมีเดีย, การออกแบบประสบการผู้ใช้งาน (UX) และอินเทอร์เฟสผู้ใช้งาน (UI) เป็นต้น
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit