โอสถสภาตอกย้ำความเป็นเลิศในการดำเนินธุรกิจ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหลักทรัพย์ในดัชนีหลักด้านความยั่งยืน พร้อมคว้า 5 รางวัลใหญ่แห่งความภาคภูมิใจ ซึ่งครอบคลุมในหลากหลายด้าน ได้แก่ ด้านการดำเนินธุรกิจ ด้านการตลาด ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล และด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ฉลองโอกาสดำเนินธุรกิจครบรอบ 130 ปี
นางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศ เปิดเผยว่า ในปี 2564 นี้ โอสถสภาได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในดัชนีหลักทรัพย์ด้านความยั่งยืน และคว้ารางวัลในหลากหลายด้าน นับเป็นเครื่องยืนยันถึงความเป็นเลิศในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งส่งผลให้สามารถดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนานกว่าศตวรรษ และยังเป็นการฉลองในโอกาสครบรอบ 130 ปีอีกด้วย
ภายใต้วิสัยทัศน์ความยั่งยืนของโอสถสภา 'พลังเพื่อชีวิตที่ยั่งยืน' และการบริหารงานภายใต้หลัก ESG (Environtmental, Social and Governance) โดยยึดหลักการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์เสาหลัก 3+1 ได้แก่ เสาหลักด้านธุรกิจ ที่มุ่งเน้นการเติบโตแบบยั่งยืนให้แก่ธุรกิจและคู่ค้าที่อยู่ในห่วงโซ่คุณค่า เสาหลักด้านสังคม ที่มุ่งสร้างสุขภาพที่ดีให้แก่ผู้บริโภคผ่านผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและส่งเสริมพนักงานให้เติบโตไปพร้อมกันกับการขยายตัวทางธุรกิจ และสร้างความยั่งยืนให้แก่ชุมชนด้วยโครงการที่มุ่งพัฒนาและยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ให้กับคนในสังคม และเสาหลักด้านสิ่งแวดล้อม ที่มุ่งลดผลกระทบจากกระบวนการผลิตและการบริโภคสินค้าต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งขับเคลื่อนด้วยบุคลากรภายในองค์กร (People) ล่าสุด โอสถสภาได้รับการจัดอันดับอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Thailand Sustainability Investment: THIS) ประจำปี 2564 และได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในดัชนี ESG100 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 รวมถึงได้รับการประเมินคะแนนในระดับดีเลิศ (Excellent) หรือระดับ 5 ดาว จากโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนประจำปี 2564 ภายใต้การดูแลของสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) โดยการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
การดำเนินงานภายใต้กรอบความยั่งยืน เพื่อบรรลุการเติบโตด้านผลกำไรในระยะยาว พร้อมกับการการทำงานอย่างรวดเร็ว ยืดหยุ่น คล่องตัว พัฒนาด้าน R&D อย่างต่อเนื่อง เน้นการศึกษา Consumer Insight และการใช้เทคโนโลยีมาพัฒนาศักยภาพจาก Big Data ช่วยให้โอสถสภาสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ (Innovation) ทั้งวิธีการทำงาน สินค้า และแคมเปญการตลาดที่ก้าวทันพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ประกอบกับกลยุทธ์ Win Today และ Win Tomorrow ทำให้สามารถตอบรับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างทันที และเตรียม Ecosystem ขององค์กรให้พร้อมรับมือกับโอกาสและความท้าทายในอนาคต ส่งผลให้โอสถสภาสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก้าวข้ามวิกฤตการณ์ต่างๆ และได้รับรางวัล Thailand Most Admired Company 2021 โดยได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มพาณิชย์ และมีความโดดเด่นด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรม (Innovation) ความสามารถในการดำเนินธุรกิจ (Business Performance) และภาพลักษณ์แบรนด์ขององค์กร (Corporate Image) ขณะเดียวกัน เอ็ม-150 แบรนด์ Flagship ของโอสถสภา ก็ยังได้รับความนิยมและครองใจผู้บริโภคจนได้รับการคัดเลือกให้ได้รับรางวัล Thailand Most Admired Brand 2021 หรือแบรนด์สินค้าที่ครองใจผู้บริโภค ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลัง ซึ่งทั้งสองรางวัล เป็นผลสำรวจโดยนิตยสารแบรนด์เอจที่ได้ทำการสำรวจอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี นอกจากนี้ แบรนด์ทเวลฟ์ พลัส ยังได้รับรางวัล Superbrands 2021 สุดยอดแบรนด์ชั้นนำของประเทศไทย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 อีกด้วย
ความเป็นเลิศด้านการดำเนินธุรกิจและการตลาดเหล่านี้ล้วนเป็นผลมาจากการมีทรัพยากรบุคคลที่มีศักยภาพ จากการที่โอสถสภาให้ความสำคัญต่อพนักงานให้เป็นทรัพยากรอันมีค่าสูงสุดและเป็นปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จของบริษัท จึงพัฒนากลยุทธ์ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลแบบองค์รวมเพื่อสร้างองค์กรแห่งความสุข พัฒนาพนักงานให้มีความรู้ความสามารถ ปลูกฝังแนวคิด ใฝ่เรียนรู้ (Learn) ทลายกรอบการเรียนรู้เดิมๆ (Unlearn) เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ (Relearn) และพัฒนาตัวเองเพื่อยกระดับและสนุกกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต เสริมสร้างวัฒนธรรมและบรรยากาศการทำงานที่ดี การทำงานเป็นทีม และปลูกฝังวัฒนธรรมแห่งความคล่องตัว (Agility) ส่งผลให้สามารถคว้ารางวัล "องค์กรที่น่าทำงานมากที่สุดในเอเชีย ประจำปี 2021" (Best Companies to Work for in Asia 2021) จาก HR Asia ซึ่งเป็นรางวัลที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
นอกจากนี้ โอสถสภายังได้สานต่อการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการคืนกำไรให้สังคม ซึ่งเป็นดีเอ็นเอของโอสถสภามาตลอด 130 ปี ล่าสุด โอสถสภาได้รับรางวัลองค์กรที่สนับสนุนงานด้านคนพิการ ระดับดีเด่น ประจำปี 2564 จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จากการที่ได้พัฒนาคุณภาพชีวิตผ่านการสร้างพลังกาย พลังใจ และพลังชีวิตให้แก่คนพิการ ภายใต้โครงการ "พลังเพื่อก้าวต่อไป" หรือ Life must go on มาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันได้มอบอาชีพ สร้างรายได้ และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้แก่คนพิการแล้ว 130 คน
นางวรรณิภา กล่าวว่า "ปี 2564 นับเป็นอีกหนึ่งปีที่เต็มไปด้วยความท้าทาย โดยเฉพาะการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 อย่างไรก็ตาม การมองอุปสรรคเป็นความท้าทายและพร้อมที่จะปรับตัว ทำให้โอสถสภาสามารถก้าวข้ามสถานการณ์ดังกล่าว และยืนหยัดอย่างแข็งแกร่งกว่าเดิม การได้รับรางวัลต่างๆ ในปีนี้ ถือเป็นเครื่องยืนยันในประสิทธิภาพการบริหารงานและการดำเนินงาน เป็นรางวัลสำหรับการไม่ยอมแพ้และสามารถเอาชนะอุปสรรคครั้งใหญ่ เป็นของขวัญร่วมฉลองโอกาสครบรอบ 130 ปี และยังเป็นแรงผลักดันให้โอสถสภาเดินหน้าพัฒนาการดำเนินงาน ผลิตภัณฑ์ และแคมเปญการตลาดต่างๆ เพื่อผู้บริโภคและสังคมไทยต่อไป"
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit