"ลูกหล้า" คือ ชื่อที่ดอยคำใช้เรียกผลผลิตมะเขือเทศจากการเพาะปลูกอย่างทะนุถนอมโดยเกษตรกรทางภาคอีสานของไทย สู่ผลิตภัณฑ์คุณภาพยอดขายอันดับหนึ่งของดอยคำ และครั้งนี้ลูกหล้าแดนอีสานจากดอยคำ ขอมาสร้างสีสันในเมืองด้วยปรากฎการณ์ "ลูกหล้าอินเดอะซิตี้" กับการร่วมมือสร้างสรรค์เมนูอาหารและเครื่องดื่มสุดเอ็กคลูซีฟ กับ 10 ร้านดัง อย่าง After You , Audrey, Brown Cafe , HEY Coffee , Kay's Boutique Breakfast, Nam Nam Pasta&Tapas, Peppina, Red Diamond, Spaghetti Factory และ Veganerie
การเดินทางข้ามเขตความอร่อยครั้งนี้ ลูกหล้าจะแปลงโฉมและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความอร่อยในรูปแบบเมนูอะไรบ้าง ตามไปดูแต่ละร้านได้เลย
After You (อาฟเตอร์ ยู)
ร้านขนมหวานชื่อดังที่นำน้ำมะเขือเทศ 100% ซึ่งโดดเด่นด้วยรสชาติของผลผลิตมะเขือเทศสดต้นฤดูกาล มาเป็นวัตถุดิบหลักในการสร้างสรรค์เมนู มะเขือเทศพริกเกลือคากิโกริน้ำแข็งไสปุยนุ่มละเอียด ท็อปปิ้งด้วยเนื้อสัมผัสหนุบหนับของมะเขือเทศเชอร์รีอบแห้ง พร้อมผงพริกเกลือสูตรพิเศษ เพื่อโรยเพิ่มรสชาติความอร่อยเข้มข้นได้ตามใจชอบ ในราคา 175 บาทระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน - 15 ธันวาคม 2564 เท่านั้น ที่ After You (อาฟเตอร์ ยู) ทุกสาขา เปิดทุกวัน เวลา 10.00-19.30 น. โทร.02 318 4488 https://www.facebook.com/afteryoucafe
Audrey Cafe & Bistro
ร้านอาหารกึ่งคาเฟ่บรรยากาศอบอุ่น ที่ให้ความสำคัญในทุกรายละเอียด มาพร้อมกับบริการสุดประทับใจ ทั้งการตกแต่งร้านสไตล์ French Vintage ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านแถบโซนยุโรป โดยเมนูที่ร่วมสร้างสรรค์กับลูกหล้าของดอยคำในครั้งนี้ คือเมนู Spaghetti Spicy Pink Sauce Serve with Grilled River Prawn สปาเก็ตตี้เส้นเหนียวนุ่มผัดกับกระเทียมและพริกแห้งจนหอมกรุ่น เข้ากับความเข้มข้นของซอสสไปซีพิงค์จากน้ำมะเขือเทศ 99% เสิร์ฟพร้อมความหวานเด้งจากกุ้งแม่น้ำตัวโตสุดอลังการ ในราคา 260 บาท
และเพื่อความครบรส ควรสั่งคู่กับเครื่องดื่ม Tomato Splash เครื่องดื่มซาบซ่า หวานอมเปรี้ยว ที่มีส่วนผสมจากน้ำมะเขือเทศ 99% แทรกด้วยความหอมสดชื่นจากน้ำส้มยูซุ ตัดรสนุ่มด้วยกะทิที่ราดมาด้านบน และความหวานฉ่ำจากผลเชอร์รีสีแดงสด ในราคา 85 บาท ลิ้มรสความอร่อยจากสองเมนูสุดพิเศษนี้ได้ ตั้งแต่ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 - 31 มกราคม 2565 ที่ Audrey Cafe & Bistro ทองหล่อ ซอย 11 เปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น. โทร. 02 712 6667 / https://www.facebook.com/Audrey.Cafe.Bistro
Brown Cafe
ดื่มด่ำความสุนทรีย์ของชาที่ร้านชานมไข่มุกคุณภาพพรีเมียมยอดฮิตย่านนิมมาน จังหวัดเชียงใหม่ ที่โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ด้านรสชาติและความหอมของใบชาจากไต้หวัน ผสมผสานกับใบชาคุณภาพของไทยในบรรยากาศร้านแบบ Modern Japanese พร้อมเพลิดเพลินไปกับเมนูสุดสร้างสรรค์อย่าง Tomato Strawberry Tea with Tomato Bubble ดื่มความหอมหวานจากชาสตรอว์เบอร์รี ซึ่งเข้ากับรสเปรี้ยวนิดๆ ของน้ำมะเขือเทศ 99% ได้อย่างดี เพิ่มอรรถรสด้วยมะเขือเทศเชอร์รีอบแห้ง ที่ท็อปปิ้งอยู่ด้านบน และเคี้ยวเพลินกับไข่มุกมะเขือเทศไม่เหมือนใคร ในราคา 75 บาท
อีกหนึ่งเมนูที่ห้ามพลาดของสายชานม กับ Milk Tea Tomato Panna Cotta เครื่องดื่มที่ฉีกกฎเมนูชานมเดิมๆ ด้วยแพนนาคอตตาเนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม รสเปรี้ยวอมหวานจากน้ำมะเขือเทศ 99% ที่ใส่มาเป็นเลเยอร์ด้านล่าง เมื่อดื่มก็จะไหลผ่านขึ้นมาพร้อมกับชานม รสเข้ม ซิกเนเจอร์ประจำร้าน เป็นการรวมรสชาติของความละมุนและหนักแน่นไว้ในแก้วเดียว ในราคา 85 บาท
และจุใจกันต่อกับ Brown Sandwich ในชื่อเมนู Tomato Mayon ขนมปังหอมนุ่ม สลับไส้ด้วยแฮมโบโลน่าและหมูหยองราด Mayo Sauce สูตรพิเศษจากส่วนผสมของน้ำมะเขือเทศ 99% สูตรโซเดียมต่ำ เพิ่มรสชาติหวานอมเปรี้ยวอีกนิดจากมะเขือเทศเชอร์รีอบแห้งที่ใส่มาด้านบน ในราคา 65 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 - 31 มกราคม 2565 ที่ Brown Cafe สีลม คอมเพล็กซ์ ชั้น 4 เปิดทุกวัน เวลา 11.00 -22.00 น. โทร.098 842 2265 / https://www.facebook.com/browndessert
Hey! 53 Coffee & Kitchen
มาลิ้มลองเครื่องดื่มจากร้านกาแฟที่โด่งดังเรื่องความใส่ใจในคุณภาพของวัตถุดิบ ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย โดยใช้โทนสีขาวและวัสดุไม้เป็นคอนเซ็ปต์หลักในการตกแต่ง พร้อมกลิ่นกาแฟคั่วหอมอบอวลทั่วร้าน เริ่มความสดชื่นที่แก้วแรกด้วยเมนู Tomato Apple Doikham เครื่องดื่มที่ช่วยทำให้อารมณ์ดี ด้วยส่วนผสมของน้ำมะเขือเทศ 99% สูตรโซเดียมต่ำ Raspberry Puree น้ำมะนาว น้ำแอปเปิ้ลแดงและไซรัปกุหลาบ ตกแต่งด้วย Jelly Lime และมะเขือเทศเชอร์รีอบแห้ง ช่วยเสริมรสชาติให้เครื่องดื่มแก้วนี้มีลูกเล่นน่าสนใจมากขึ้นในราคา 120 บาท
ต่อด้วย Tomato Cold Brew Doikham สำหรับคอกาแฟสกัดเย็นที่ชื่นชอบการผสมผสานรสชาติของผลไม้ เหมาะเป็นเครื่องดื่มสบายๆ ได้ทุกช่วงเวลา ส่วนผสมหลักใช้น้ำมะเขือเทศผสมน้ำผลไม้รวม 98% ม็อกเทล Raspberry Puree น้ำมะนาว ไซรัปเลมอน Flower Blossom และ Tonic ปิดท้ายด้วยเลมอนเชื่อมเนื้อฉ่ำและกลิ่นหอมสดชื่นจากใบมินต์ ในราคา 100 บาท เริ่มวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 - 31 มกราคม 2565 ที่ Hey! 53 Coffee & Kitchen ถนนพระราม 9 ซอย 53 เปิดทุกวัน เวลา 09.00-21.00 น. โทร. 080 274 4736 / https://www.facebook.com/HeyCoffee
Kay's Boutique Breakfast
คาเฟ่อาหารเช้าสุดเก๋ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในซอยรางน้ำในบรรยากาศเรียบหรูตกแต่งด้วยหินอ่อนและคุมโทนด้วยสีขาวสะอาดตา ในขณะที่ด้านในของร้านมีมุมสวนดอกไม้ที่จัดแต่งขึ้นเป็นพิเศษ หมุนเวียนรูปแบบและสีสันถูกใจสายคาเฟ่ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพโดยเฉพาะ สำหรับเมนูแนะนำที่สร้างสรรค์ขึ้นจากลูกหล้าของดอยคำในครั้งนี้ เริ่มด้วยเมนู Egg Benny with Tomato Hollandaise โดยทางร้านดัดแปลงมาจาก Egg Benedict แต่พิเศษยิ่งกว่า ด้วยการเสิร์ฟมาบนเบคอนกริลชิ้นสวยเนื้อสัมผัสกรุบกรอบ ที่วางบนมัฟฟินโฮมเมดร้อนๆ ราดด้วยซอส Hollandaise สูตรพิเศษ ส่วนผสมจากซอสมะเขือเทศดอยคำ รสเข้มข้น ตัดรสชาติหวานอมเปรี้ยวด้วยมะเขือเทศเชอร์รีอบแห้งที่ใส่มาเป็นเครื่องเคียงในจาน เมนูนี้ราคา 220++ บาท
หรือจะสั่งเมนูสายสวย อย่าง Tomato Berry Smoothie Bowl เมนูสบายท้องจากการนำน้ำมะเขือเทศ 99% มาปั่นผสมกับ Acai กล้วยและเบอร์รีรวม เพิ่มความกรุบกรอบหอมมันพร้อมคุณประโยชน์จากอัลมอนด์ กราโนล่า และรสเปรี้ยวอมหวานจากมะเขือเทศเชอร์รีอบแห้ง ในราคา 170++ บาท เริ่มวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 - 31 มกราคม 2565 ที่ Kay's Boutique Breakfast 116/55-57 ถนนรางน้ำ แขวงพญาไท (ตรงข้ามโรงแรม K Maison) เปิดทุกวัน เวลา 06.30-16.00 น. โทร. 02 245 1953 /
https://www.facebook.com/kaysboutiques
?am ?am Pasta &Tapas
เข้าสู่โหมดคนรักพาสต้าเส้นสด พาสต้าโฮมเมดที่ได้เห็นกระบวนการทำเส้นกันสดๆ กลางร้าน ยืนยันความอร่อยสดใหม่จานต่อจาน ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นเหมือนคนในครอบครัวทำให้รับประทาน เริ่มจากเรียกน้ำย่อยด้วย Tapas เมนูของว่างที่มีต้นกำเนิดจากสเปน ในชื่อเมนู Fried Polenta with Tomato Jam and Coppa โดยนำ Polenta ชิ้นพอดีคำ ทอดจนเหลืองกรอบ ทาสลับชั้นด้วยแยมและซอสสูตรพิเศษที่เชฟใช้ส่วนผสมเป็นน้ำมะเขือเทศ 100% และมะเขือเทศเชอร์รีอบแห้ง ได้รสชุ่มฉ่ำเปรี้ยวอมหวาน ตัดด้วยรสเค็ม มัน ของ Coppa Ham เป็นจานทานเล่นที่ลงตัวในทุกคำ ราคา 220 บาท
ต่อด้วยจานหลักอย่าง Pasta with Dried Tomato Sauce, Olive and Anchovy with Fish of The Dayใช้สปาเกตตี้เส้นสด คลุกเคล้าด้วยซอสสูตรพิเศษที่ปรุงจากน้ำมะเขือเทศ 100% ปั่นรวมกับมะกอกและแองโชวี่ ทำให้ได้รสเปรี้ยวอมหวานผสานความหอมและรสเค็มกลมกล่อมอย่างมีเอกลักษณ์ ทานคู่กับปลาเนื้อขาวที่จี่จนได้ความสุกกำลังดี เมื่อบีบเลมอนเพิ่มลงไป ยิ่งช่วยชูรสชาติให้ส่วนผสมเข้ากันเป็นอย่างดี เมนูจานนี้ราคา 310 บาท เริ่ม วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 - 31 มกราคม 2565 ที่ ?am ?am Pasta &Tapas ซอยศูนย์วิจัย (เพชรบุรี 47 แยก 5) เปิดทุกวัน (ปิดวันจันทร์) เวลา 11.00-15.00 น. และ 17.00-22.00 น. (ตามเวลาปกติ) โทร. 098 520 8026/ https://www.facebook.com/namnampastaandtapas
Peppina
สำหรับคนรักอาหารอิตาเลียนต้องไม่พลาด ร้านต้นตำรับอาหารอิตาเลียนสไตล์นาโปลีแท้ๆ โดยเฉพาะ "พิซซ่า" เมนูดังของร้าน ลูกหล้าไม่รอช้าขอโกอินเตอร์ไปกับเมนูแรก Pizza Quattro Pomodori ที่พิถีพิถันตั้งแต่แป้งโดคุณภาพเยี่ยม เพื่อให้ได้พิซซ่าแป้งบางที่คงเนื้อสัมผัสเหนียวนุ่มขอบโป่งฟู หอมกรุ่นกลิ่นเตาถ่าน แบ่งออกเป็น 4 หน้า 4 รสชาติจากมะเขือเทศหลากหลายรูปแบบ ทั้ง Piennolo Giallo, Pomodori Pelati, Peppina และ Piennolo Tomatoes หน้าพิเศษที่แปลกใหม่ด้วยเนื้อสัมผัสหนุบหนับ เปรี้ยวอมหวานจากมะเขือเทศเชอร์รีอบแห้งดอยคำ ในราคาถาดละ 480 บาท
ต่อด้วยพาสต้ารูปร่างพิเศษในเมนู Ravioli Ripieni Pesto Con Pomodorini Secchi โดดเด่นด้วยรสชาติของไส้ ที่คิดค้นส่วนผสมมาเป็นอย่างดี ทั้ง Ricotta, Pecorina Romano, Parmesan Cream, Pine Nut, Basil Italin, Big Garlic, Virgin Olive Oil, Black Pepper เพิ่มเนื้อสัมผัสจากมะเขือเทศเชอร์รีอบแห้งที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เคี้ยวเพลินๆ ในทุกคำ ราคา 420 บาท
ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานที่น่ารับประทานเกินห้ามใจ กับ Tortino AI Mascarpone Con Composta Di Pomodori หรือ Doikham Tomato Tarte ที่ตัวทาร์ตทำจากแป้งพาสต้าผสมกับเนยจืด น้ำตาลไอซิ่งและไข่ ตัวขนมเต็มรสมะเขือเทศด้วยส่วนผสมจากน้ำมะเขือเทศ 99% และมะเขือเทศเชอร์รีอบแห้ง Topping ด้วย Brown Sugar, Mint Leave, Lemon และ Red Wine พิเศษยิ่งขึ้นด้วยซอสที่ทำจากน้ำมะเขือเทศผสมน้ำผลไม้รวม ๙๘% ม็อกเทล เป็นของหวานที่ได้ลิ้มลองต้องตกหลุมรัก ราคา 240 บาท เริ่มวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 - 31 มกราคม 2565 ที่ Peppina ซอยสุขุมวิท 33 เปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น. โทร.02 119 7677 / https://www.facebook.com/peppinapizza
Red Diamond
ฟินไปกับความหลากหลายของเมล็ดกาแฟคุณภาพเยี่ยมและบรรยากาศของร้านกาแฟสาย Specialty Coffee สะท้อนตัวตนของผู้ดื่มได้เป็นอย่างดีในคอนเซ็ปต์การตกแต่งสไตล์เท่ๆ ด้วยสีโทนเข้มและวัสดุผสมผสานทั้งเหล็ก ไม้ หนัง และปูนเปลือย ให้ความรู้สึกน่าค้นหา พร้อมรับประสบการณ์ดีๆ ไปกับเหล่าบาริสต้าฝีมือเยี่ยม เริ่มจากเครื่องดื่มแก้วแรก Teamato Shakerato ชาเอิร์ลเกรย์ที่อินฟิวส์กับมะเขือเทศเชอร์รีอบแห้ง ดื่มความหอมลุ่มลึกจากชาและรสชาติหวานอมเปรี้ยวจากมะเขือเทศที่ผสมผสานลงตัวเป็นอย่างดี เสิร์ฟพร้อมมะเขือเทศเชอร์รีอบแห้ง ให้ดิปกับน้ำมะเขือเทศผสมน้ำผลไม้รวม 98% ม็อกเทล เพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัสเคี้ยวสนุกและรสหอมหวานยิ่งขึ้นราคา 150 บาท
ต่อด้วย Bloody Number 7 แรงบันดาลใจจาก Bloody Mary ส่วนผสมหลักเป็นน้ำมะเขือเทศผสมน้ำผลไม้รวม 98% ม็อกเทล เพิ่มรสหอมหวานด้วยน้ำสตรอว์เบอรีเข้มข้น ไซรัปเลมอนโฮมเมด รสเผ็ดร้อนจากทาบาสโก้ และความหอมเย็นจากใบมินต์ รวมตัวกันเป็นความสดชื่นสไตล์ม็อกเทลในราคา 150 บาท และยังสามารถสั่ง Espresso Shot เพิ่มได้ในราคาช็อตละ 70 บาทอีกด้วย เริ่มวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 - 31 มกราคม 2565 ที่ Red Diamond ชั้น 7 Central World เปิดทุกวัน เวลา 11.00-20.00 น.
https://www.facebook.com/Reddiamondthailand
Spaghetti Factory
แค่ได้กลิ่นชีสหอมๆ ก็กระตุ้นต่อมหิวได้เป็นอย่างดี เพราะร้านนี้มีเมนูเส้นทีเด็ดสำหรับคนรักสปาเก็ตตี้และชีส ให้ได้ประทับใจไปกับทุกเมนู รวมถึงการตกแต่งผนังของร้านในสไตล์อินดัสเทรียล ให้ความรู้สึกของการเสิร์ฟเมนูจานโปรดส่งตรงจากโรงงานผลิตเส้นพาสต้า ผสานด้วยสีสันของธรรมชาติอย่างไม้ประดับสีเขียวสดชื่น กับโต้ะไม้ที่ยังคงความอบอุ่น เปิดจานแรกแบบจัดจ้านกันก่อน ด้วยเมนู Spaghetti with Seafood & Napoli Doikham Tomato Sauce สปาเกตตี้เส้นสดกับซีฟู้ดแน่นๆ ผัดกับซอสนาโปลีสูตรพิเศษที่ทางร้านสร้างสรรค์ให้มีซอสมะเขือเทศดอยคำเป็นส่วนผสม ได้รสเข้มข้นกลมกล่อมจนไม่อยากวางมือ ในราคา 250++ บาท
และหากใครคลั่งไคล้ความครีมมี่ ต้องสั่งเมนู Cream Sauce Reginette with Doikham Dried Cherry Tomatoes and Smoked Bacon จัดเต็มในความหอมมันของซอสครีมสูตรเฉพาะของร้านที่คลุกเคล้ามาจนชุ่มฉ่ำกับเส้นเรจิเนเต้ เพิ่มรสเค็มและความกรุบกรอบจากเบคอน ตัดด้วยรสเปรี้ยวอมหวานจากมะเขือเทศเชอร์รีอบแห้งดอยคำ ได้เนื้อสัมผัสหลากหลาย อร่อยลงตัว ในราคา 250++ บาท ตั้งแต่ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 - 31 มกราคม 2565 ที่ Spaghetti Factory ชั้น 6 Central World เปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น. https://www.facebook.com/spaghettifactory
Veganerie
เปิดโลกวีแกนไปด้วยกัน กับเมนูสายพืชเข้าถึงใจคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อม สำหรับคนที่คิดว่าอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์จะไม่อร่อย ทางร้านพร้อมทลายทุกความเชื่อนั้น เพราะเมนูที่สร้างสรรค์ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทยหรือสไตล์ตะวันตก ก็อร่อยจนต้องร้องว้าว ขอแนะนำซุปคลีนๆ อย่าง Tomato Soup & Vegan Grilled Cheese Sandwiches ซุปอุ่นๆ รสชาตินุ่มนวล ทานง่าย จากวัตถุดิบหลักน้ำมะเขือเทศ 100% ที่ปรุงรสน้อยที่สุด เพื่อนำเสนอรสชาติของมะเขือเทศคั้นสด คัดสรรผลผลิตต้นฤดูกาล เสิร์ฟพร้อมแซนวิชชีสวีแกน เป็นเมนูอิ่มๆ แต่สบายท้องเป็นที่สุด ในราคา 165 บาท
เพิ่มไฟเบอร์และสารต้านอนุมูลอิสระกันอีกเน้นๆ กับเมนู Antioxidant Bowl สลัดเคลย์จานโตคลุกเคล้าน้ำสลัดบัลซามิก บีทรูทย่าง วอลนัท และเมล็ดฟักทอง ทานคู่กับเพสโต้สูตรพิเศษ คัดสรรเฉพาะวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพ อย่างน้ำมะเขือเทศ 100% ปั่นผสมกับอัลมอนด์ จากนั้น เติมมะเขือเทศเชอร์รีอบแห้งอีกนิดให้พอมีรสเปรี้ยวอมหวานรับประทานได้ไม่มีเบื่อ ราคา 225 บาท เริ่มวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 - 31 มกราคม 2565 ที่ Veganerie Concept สุขุมวิทซอย 24 หลังสวนเบญจสิริ เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 22.00 น. https://www.facebook.com/Veganerie.Official/
เกี่ยวกับดอยคำ
จากพระราชวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงต้องการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรชาวไทยภูเขาให้ดีขึ้น ทรงส่งเสริมการปลูกพืชผลไม้เมืองหนาวแทนการปลูกฝิ่น พร้อมทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้ง สหกรณ์ชาวเขา และโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปขึ้น เพื่อรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรอย่างเป็นธรรม และแปรรูปผลผลิต ภายใต้ตราสินค้า "ดอยคำ" รวมถึงจัดให้มีการค้นคว้า วิจัย และพัฒนา โดยจัดตั้งเป็น นิติบุคคลภายใต้ชื่อ "บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด" ดำเนินกิจการในรูปแบบ "ธุรกิจเพื่อสังคม" ในปีพ.ศ. 2537
ดอยคำตระหนักอยู่เสมอว่าผลกำไรที่แท้จริงคือ การได้เห็นคนไทยทุกระดับกินดี อยู่ดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะนั้นย่อมหมายถึงความสุขที่ยั่งยืนของคนไทยทุกคน…ดังสโลแกนที่ว่า "เกษตรเพื่อชุมชน ผลิตผลเพื่อคนไทย"
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit