กลุ่ม KTIS เปิดตัวแบรนด์ cherr BY KTIS บุกตลาดหลอดชานอ้อย 100% เชื่อมีศักยภาพในการเติบโตสูง จากการเข้าทดแทนหลอดพลาสติกที่จะเลิกใช้ภายในปี 2565 และสอดรับกับเทรนด์ของโลก ย้ำจุดเด่นผลิตจากเยื่อชานอ้อยของโรงงานในกลุ่ม KTIS ซึ่งได้รับมาตรฐานสากลทั้ง ISO9001, ISO14001, ISO22000, GMP/HACCP และ IPHA จึงเชื่อมั่นได้ในมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ถูกสุขอนามัย ไม่มีสารปนเปื้อนที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค และยังได้มาตรฐานการป้องกันการปนเปื้อนของโควิด - 19 ในสถานที่ประกอบการ กระบวนการผลิต และบุคลากรอีกด้วย ชี้หลอดชานอ้อยต่างจากหลอดกระดาษทั่วไป ไม่เปื่อยยุ่ยง่าย ไม่มีสารเคมีปนเปื้อน จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อผู้บริโภคและต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
นายสมชาย สุวจิตตานนท์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่ม KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจร เปิดเผยว่า จากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอแผนลด-เลิกผลิตขยะพลาสติก โดยประกาศห้ามใช้พลาสติกประเภทใช้แล้วทิ้ง 4 ชนิด คือ ถุงหิ้ว กล่องโฟมบรรจุอาหาร แก้ว และหลอดพลาสติก แบบ 100% ภายในปี 2565 นั้น จะส่งผลดีต่อผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ผลิตจากเยื่อชานอ้อยของกลุ่ม KTIS เช่น ภาชนะบรรจุอาหาร จาน ชาม กล่องข้าว ถาดอาหาร รวมไปถึงหลอดชานอ้อย ซึ่งผลิตจากเยื่อชานอ้อย 100% ปลอดภัยกับผู้บริโภคและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ภายใน 30-45 วัน
นายภูมิรัฐ หวังปรีดาเลิศกุล ผู้อำนวยการฝ่ายไร่ ในฐานะผู้อำนวยการโครงการผลิตหลอดชานอ้อย กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมเป็นเทรนด์ของโลก และเป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม KTIS มาตั้งแต่รุ่นก่อตั้ง ตามนโยบาย Zero Waste ที่จะนำสิ่งเหลือใช้ในกระบวนการผลิตกลับมาใช้ประโยชน์ให้ได้ทั้งหมด รวมถึงการนำเยื่อชานอ้อยมาผลิตเป็นหลอดชานอ้อยด้วย โดยในช่วงแรกๆ ของการผลิตและจำหน่ายหลอดชานอ้อยออกสู่ตลาดนั้นเป็นการขายไปยังผู้ประกอบการโดยตรงจึงยังไม่จำเป็นต้องมีแบรนด์ แต่ขณะนี้ได้ขยายตลาดไปสู่ผู้บริโภคทั่วไปด้วย จึงได้สร้างแบรนด์ cherr BY KTIS (เฌอ บาย เคทิส) ขึ้นมาเพื่อให้ง่ายต่อการสื่อสารกับผู้บริโภค
ทั้งนี้ หลอดชานอ้อย cherr นี้ เป็นหลอดชานอ้อย 100% รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย อยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทย่อยของกลุ่ม KTIS คือ บริษัท เอ็นไวรอนเม็นท์พัลพ์ แอนด์ สตรอว์ จำกัด (EPAS) มีกำลังการผลิตในช่วงเริ่มต้น 500,000 หลอดต่อวัน และสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีกหากมีปริมาณความต้องการสูง
ด้านนายปัญญ์ ศิริวิริยะกุล วิศวกรบริหาร ในฐานะผู้อำนวยการร่วม โครงการผลิตหลอดชานอ้อย กล่าวว่า วัตถุดิบในการผลิตหลอดชานอ้อย มาจากโรงงานเยื่อกระดาษชานอ้อยของกลุ่ม KTIS ซึ่งมีมาตรฐานการผลิตในระดับสากล โดยได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ISO9001, ISO14001, ISO22000 และ GMP/HACCP จึงเชื่อมั่นได้ในมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ถูกสุขลักษณะอนามัยตามมาตรฐาน GMP และไม่มีสารปนเปื้อนที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ตามมาตรฐาน HACCP นอกจากนี้ ยังได้รับการรับรอง "IPHA" (Industrial and Production Hygiene Administration) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ออกโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม และสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ ซึ่งสะท้อนถึงมาตรฐานในการควบคุม ติดตาม และป้องกันการปนเปื้อนของโควิด - 19 ในสถานที่ประกอบการ กระบวนการผลิต และบุคลากร อีกด้วย
"หลอดชานอ้อยต่างจากหลอดกระดาษทั่วไป ตรงที่ไม่เปื่อยยุ่ยง่ายแม้จะแช่ในน้ำเป็นชั่วโมง ไม่มีสารเคมีปนเปื้อน จึงปลอดภัย 100% สำหรับการบริโภค และการใช้ชานอ้อยจากกระบวนการหีบอ้อยของกลุ่ม KTIS ทำให้ช่วยลดการตัดไม้มาทำเยื่อกระดาษหรือหลอดกระดาษอีกด้วย หลอดชานอ้อยจึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อผู้บริโภคและต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง" นายปัญญ์ กล่าว
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit