เมื่ออาการปวดหัวในเด็ก อาจไม่ใช่เรื่องเด็กๆ อย่างที่คิด
อาการปวดหัวในเด็ก เป็นหนึ่งปัญหาที่พบได้บ่อย โดยส่วนใหญ่มักมีสาเหตุที่ไม่รุนแรง เช่น มีภาวะไข้, ไซนัสอักเสบ, จากความเครียด (Tension headache) แต่อย่างไรก็ตาม ภาวะปวดหัวในเด็ก อาจเกิดจากสาเหตุที่อันตรายได้ ดังนั้น พ่อ แม่ ผู้ปกครอง จึงควรใส่ใจและไม่เพิกเฉยต่ออาการปวดหัวของลูก
อาการปวดหัวในเด็กเกิดจากอะไร?อาการปวดหัวในเด็ก สามารถแบ่งได้ เป็น 2 แบบ
- อาการปวดหัวแบบปฐมภูมิ (Primary headache) เป็นอาการปวดหัวที่ไม่มีสาเหตุหรือพยาธิสภาพที่ชัดเจน เช่น อาการปวดหัวไมเกรน (Migraine headache), อาการปวดหัวจากความเครียด(Tension typed headache)
- อาการปวดหัวแบบทุติยภูมิ (Secondary headache)เป็นอาการปวดหัวที่มีสาเหตุหรือพยาธิสภาพ โดยอาจจะมีสาเหตุที่ไม่อันตราย เช่น มีไข้ หรือ การติดเชื้อบริเวณไซนัส แล้วปวดหัวหรือ มีสาเหตุที่อันตราย อย่างเช่น มีภาวะติดเชื้อในระบบประสาทส่วนกลาง (CNS infection), มีก้อนเนื้องอกในระบบประสาท, มีเลือดออกในสมอง หรือ มีภาวะความดันในสมองสูง (Increased intracranial pressure) ซึ่งหากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษา อาจจะส่งผลถึงแก่ชีวิตได้
ปวดหัวอย่างไร? ที่พ่อแม่ไม่ควรเพิกเฉย ควรรีบมาพบแพทย์หากบุตรของท่านมีอาการปวดหัวลักษณะแบบนี้ ควรรีบมาพบแพทย์
- อาการปวดหัวรุนแรงฉับพลันทันที อาจจะเกิดจาก ภาวะเลือดออกในสมองได้
- มีอาการอื่นทางระบบประสาทร่วมด้วย ชัก อ่อนแรง ซึม เดินเซ เห็นภาพซ้อน หรือ จะจำง่ายๆ ว่า "ชัก อ่อน ซึม เซ ซ้อน"
- อาการปวดหัวเรื้อรังที่ปวดมากขึ้นเรื่อย ๆปวดมากจนอาเจียน
- มีอาการปวดหัวมากจนต้องตื่นมาตอนกลางคืน (awakening pain) หรือ ตื่นมาแล้วปวดหัวมาก
- มีอาการปวดหัวมากขึ้น เมื่อ ไอ จาม เบ่ง
จะรู้ได้อย่างไรว่าอาการปวดหัวอันตรายหรือไม่?โดยปกติ มักวินิจฉัยได้จากการซักประวัติและตรวจร่างกาย การตรวจค้นเพิ่มเติม จะทำในกรณีที่ประวัติและการตรวจร่างกาย สงสัยว่าอาจจะมีสาเหตุที่อันตรายในสมอง
- การตรวจภาพสมอง (CT scan หรือ MRI) พิจารณาทำ ในกรณีที่จากประวัติและการตรวจร่างกาย ชวนให้สงสัยว่าอาจจะมีพยาธิสภาพในสมอง เช่น มีเนื้องอกในสมอง มีน้ำคั่งในโพรงสมอง
- การเจาะน้ำไขสันหลัง จะพิจารณาในกรณีที่สงสัยภาวะติดเชื้อที่เยื่อหุ้มสมอง หรือ ความดันในสมองสูงแบบไม่ทราบสาเหตุ (Idiopathic Intracranial Hypertension)
เด็กปวดหัวแต่ละแบบ รักษาอย่างไร?
- หากปวดหัวฉับพลันแต่ไม่รุนแรงมาก ไม่รบกวนชีวิตประจำวัน และ มีสาเหตุที่พออธิบายได้ เช่น มีไข้ อากาศร้อน นอนไม่พอ หลังได้ยินเสียงดัง อาจจะพิจารณาให้ยาพาราเซตามอลร่วมกับให้นอนพัก และ สังเกตอาการ หากอาการไม่ดีขึ้น ควรมาพบแพทย์
- หากปวดหัวฉับพลันอย่างรุนแรง หรือ ปวดหัวฉับพลันร่วมกับมีสัญญาณเตือนอย่างที่อธิบายไว้ข้างต้น ควรรีบไปพบแพทย์
- หากปวดหัวเรื้อรัง (ปวดหัว นานเกินกว่า 15 วัน) ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาตามการวินิจฉัย
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมคลิก >> https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/1629