อาจารย์เภสัชฯ จุฬาฯ แนะวิธีเตรียมวัคซีน Moderna เพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด

23 Nov 2021

หลังจากวัคซีน COVID-19 หลากหลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น Sinovac, Sinopharm, AstraZeneca, Pfizer ถูกฉีดให้กับคนไทยไปแล้วมากกว่า 60 ล้านโดส ในที่สุดวัคซีน Moderna วัคซีน mRNA ตัวที่ 2 ที่เป็นทางเลือกให้แก่คนไทยก็มาถึงโรงพยาบาลและหน่วยฉีดวัคซีนต่างๆ ซึ่งในบางจุดบริการก็ได้เริ่มฉีดกันไปแล้วตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤศจิกายน

อาจารย์เภสัชฯ จุฬาฯ แนะวิธีเตรียมวัคซีน Moderna เพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด

ในงานเสวนา Chula-Phama-Talk เรื่อง "การเตรียมวัคซีน Moderna" ที่คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ จัดขึ้นเมื่อเรวๆนี้ ผศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ และ ผศ.ภญ.ดร.ณัฏฐดา อารีเปี่ยม คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ ได้ให้ข้อแนะนำเกี่ยวกับเทคนิคการเตรียมวัคซีน Moderna สรุปได้ว่า การบริหารจัดการ ขนส่ง จัดเก็บ เตรียมยา จนถึงการฉีดวัคซีน Moderna ให้แก่ผู้รับบริการมีรายละเอียดที่ต้องระมัดระวังเพื่อคงคุณภาพของวัคซีนให้สมบูรณ์ที่สุดจนถึงผู้รับการฉีดวัคซีน ที่สำคัญคือแม้จะเป็นวัคซีนชนิด mRNA เช่นเดียวกับของ Pfizer แต่รายละเอียดการขนส่งจนถึงการเตรียมยากลับแตกต่างกันหลายประเด็น ซึ่งเภสัชกร พยาบาล และบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านี้โดยตรงจะต้องทราบข้อมูลอย่างละเอียด ดังนี้

  • วัคซีนชนิดนี้สามารถเก็บในตู้แช่แข็งที่อุณหภูมิ -25 ถึง -15 องศาเซลเซียสได้จนถึงวันหมดอายุที่ระบุไว้ข้างขวด ซึ่งมีช่วงเวลาประมาณ 7 เดือนนับจากวันผลิต โดยห้ามอยู่ในอุณหภูมิต่ำกว่า -50 องศาเซลเซียส และห้ามใช้น้ำแข็งแห้งในกระบวนการขนส่ง เมื่อเก็บวัคซีนในตู้เย็นธรรมดา (อุณหภูมิ 2 ถึง 8 องศาเซลเซียส) วัคซีนจะมีอายุ 30 วัน
  • วัคซีนอยู่ในรูปแบบยาแขวนตะกอนสีขาวถึงขาวขุ่น พร้อมใช้โดยไม่ต้องเจือจาง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นยาแขวนตะกอนซึ่งต้องทำให้กระจายตัวก่อนฉีด แต่ห้ามเขย่าวัคซีนโดยเด็ดขาดเพราะอาจทำให้วัคซีน mRNA เสื่อมสภาพ วิธีการทำให้วัคซีนกระจายตัวเข้ากันดีคือการหมุนวนขวดวัคซีนเบาๆ หรือ swirl วัคซีนบรรจุแบบ multiple dose vial 1 ขวด มี 5 มิลลิลิตร สามารถฉีดได้ 10 โดส และขวดที่เปิดแล้วอาจเก็บไว้รอ การใช้เข็มต่อๆ ไปได้ประมาณ 12 ชั่วโมง (โดยเก็บที่อุณหภูมิ 2 ถึง 25 องศาเซลเซียส) แต่ก็ควรใช้ให้หมดภายในเวลาที่สั้นที่สุดเพราะวัคซีนไม่มีสารกันเสียที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่อาจปนเปื้อนเข้าไปในกระบวนการดูดยาแต่ละครั้ง

"บุคลากรที่เกี่ยวข้องจึงต้องระมัดระวังในการดำเนินการ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะทำให้วัคซีนมีข้อสงสัยในคุณภาพ และทำให้มั่นใจได้ว่าวัคซีนที่ฉีดให้ประชาชนมีประสิทธิผลและความปลอดภัยสูงสุด" สองอาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวในที่สุด

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/Pharmacy.CU/videos/619294496050119/

HTML::image(