ASIAN ชี้ภาพรวมธุรกิจ H1/64 ผลงานออกมาแจ่ม ทิศทางครึ่งปีหลังสดใสยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยง-อาหารแช่แข็ง หนุนกำไรโตต่อ

08 Jul 2021

ASIAN แย้มภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ในเกณฑ์ที่ดี อัตรากำไรขั้นต้นสวย เป็นไปตามกลยุทธ์ที่บริษัทฯ วางไว้ สะท้อนแผนการรุกตลาดประสบความสำเร็จ ชี้ทิศทางครึ่งหลังปี 2564 ยอดขายดีต่อเนื่อง ความต้องการผู้บริโภคกลุ่มธุรกิจอาหารแช่แข็งและอาหารสัตว์เลี้ยง ยังขยายตัว แม้ว่าปัญหาโควิดและตู้คอนเทนเนอร์ยังยืดเยื้อ เล็งอัพกำลังผลิตเสริมแกร่ง มั่นใจรายได้รวมปีนี้โต 10% เข้าเป้า ขณะที่บาทอ่อนหนุนอัตรากำไรขั้นต้นดีกว่าเป้า ด้านโบรกฯ ฟันธงทิศทางการเติบโตครึ่งปีหลังยังสดใส เชียร์ "ซื้อ" โดยปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิ และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายกลางปี 2564 ขึ้นเป็น 18.7 บาท จาก 17.0 บาท

ASIAN ชี้ภาพรวมธุรกิจ H1/64 ผลงานออกมาแจ่ม ทิศทางครึ่งปีหลังสดใสยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยง-อาหารแช่แข็ง หนุนกำไรโตต่อ

นายเอกกมล ประสพผลสุจริต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN เปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปี 2564 บริษัทฯ มองว่ายอดขายยังคงมีทิศทางการเติบโตที่ค่อนข้างดี ทั้งในส่วนของธุรกิจอาหารแช่แข็ง และอาหารสัตว์เลี้ยงที่ขยายตัว ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับความต้องการผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น และกำลังซื้อที่เริ่มฟื้นตัว ทำให้ในปัจจุบันกลุ่มลูกค้ายังคงมีการส่งคำซื้อให้บริษัทอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงมองหาโอกาสในการขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในโซนเอเชียและยุโรป อีกด้วย

ทั้งนี้ แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะมีการกลับมาแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระรอกที่ 2 และ 3 แต่บริษัทฯ ยังสามารถควบคุมความปลอดภัยและปลอดเชื้อภายในโรงงานได้เป็นอย่างดี สร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มลูกค้า ปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่มากกว่า 75% ของยอดขายรวม โดยสินค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารแช่เยือกแข็งโดยเฉพาะประเภทอาหารพร้อมปรุง-พร้อมทาน ขณะที่ค่าเงินปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นปัจจัยบวกจากปัจจัยดังกล่าวทำให้อัตรากำลังการผลิตที่ใกล้เต็มประสิทธิภาพในบางไลน์ผลิต ทำให้บริษัทวางแผนลงทุนปี 2564 ที่ 400 ล้านบาท รองรับการขยายกำลังการผลิตทั้งส่วนของอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารแช่เยือกแข็ง โดยเฉพาะอาหารพร้อมปรุงพร้อมทานประเภททอด จะแล้วเสร็จพร้อมเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ในช่วงไตรมาส 3/2564 ในขณะที่ไลน์การผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง คาดว่าจะ COD ได้ต้นปี 2565

"แม้ปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ และปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมการส่งออก บริษัทฯ ได้มีการปรับกลยุทธ์และบริหารจัดการภายใน เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าตามเป้าหมาย ซึ่งในครึ่งปีแรก อัตรากำไรของเรายังอยู่ในระดับที่ดี มีโอกาสสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 14-15% ปัจจัยผลักดันหลักๆ เป็นผลมาจากคำสั่งซื้อจากทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารอาหารแช่เยือกแข็ง โดยเฉพาะประเภทอาหารพร้อมปรุงพร้อมทาน ในตอนนี้บริษัทฯ มีออเดอร์ล่วงหน้าถึงไตรมาส 3 ทำให้อัตรากำลังการผลิตเต็มไปจนถึง 1-2 เดือนข้างหน้า" นายเอกกมล กล่าว

บริษัทฯ เตรียมพิจารณาปรับประมาณการรายได้รวมปี 2564 โดยคาดว่ารายได้รวมจะเติบโตได้ไม่น้อยกว่า 10% หรือมีรายได้รวมแตะ 9,500 ล้านบาท โดยที่ยอดขายและอัตรากำไรกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารพร้อมปรุงแช่เยือกแข็งคาดว่าดีกว่าเป้า ในขณะที่กลุ่มทูน่าและอาหารสัตว์น้ำมีแนวโน้มทรงตัว ซึ่งอาจส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าเป้าเดิมที่ประมาณไว้ที่ 14-15%

โดยล่าสุด ASIAN ได้รับคัดเลือกให้เข้าอยู่ในทำเนียบบริษัทจดทะเบียนที่น่าลงทุนตามเกณฑ์ประเมินด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) กลุ่ม ESG Emerging ปี 2564 จากสถาบันไทยพัฒน์ โดยหน่วยงาน ESG rating ได้ทำการคัดเลือก 100 หลักทรัพย์ ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลที่เรียกว่ากลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ประจำปี 2564 เพื่อใช้เป็นข้อมูลนำเข้าในการคำนวณดัชนี อีเอสจี ไทยพัฒน์ หรือ Thaipat ESG index สำหรับใช้เป็นดัชนีเปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุน (benchmark index) และใช้เป็นดัชนีอ้างอิงสำหรับการลงทุนแก่บริษัทจัดการลงทุนที่มีการให้บริการผลิตภัณฑ์การลงทุนในธีม ESG

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ ASIAN ว่าทิศทางการเติบโตยังสดใส โดยคาดว่าทิศทางธุรกิจของ ASIAN จะยังเติบโตขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หนุนจากอุปสงค์อาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารทะเลแช่แข็งแบบ pre-fried ที่แข็งแกร่งและเงินบาทที่อ่อนค่าลงในช่วงที่ผ่านมา

คาดว่ากำไรสุทธิ Q2/64 จะอยู่ที่ 251 ล้านบาท (-16.5% YoY และ +16.6% QoQ) และคาดว่า GPM Q2/64 จะขยายตัวขึ้นมาอยู่ที่ 18.2% จาก 16.9% ใน Q1/64 ประมาณการกำไรสุทธิช่วงครึ่งแรกของปี 64 อยู่ที่ 465 ล้านบาท (+15% YoY) และคิดเป็นสัดส่วน 50% ของประมาณการกำไรปี 64 แนะนำ "ซื้อ" หลังปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิ จึงปรับเพิ่มราคาเป้าหมายกลางปี 2564 ขึ้นเป็น 18.7 บาท จาก 17.0 บาท อิงจาก EPS เฉลี่ยปี 2565-66 ที่ 14.7 เท่า หรือ 1.0SD มากกว่า PER ล่วงหน้าเฉลี่ยในอดีต