บลจ.ทิสโก้เป็นปลื้ม กองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส Mid/Small Cap อิควิตี้ เพิ่งปิด IPO ไม่ถึงเดือน สร้างผลตอบแทนย้อนหลังโดดเด่น รับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้น แนะลูกค้าถือเพื่อลงทุนต่อยังไม่ใช่จังหวะขายทำกำไร มั่นใจหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กของสหรัฐฯ มีศักยภาพการเติบโตระยะยาว
นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co., Ltd.) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กของสหรัฐฯ สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เติบโตในระดับที่ดี ส่งผลให้กองทุนที่มีนโยบายลงทุนหุ้นของบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดขนาดกลางและเล็กสหรัฐฯ อย่างกองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส Mid/Small Cap อิควิตี้ (TUSMS) ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) ที่เพิ่งเสนอขายไอพีโอไปเมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนสามารถสร้างผลตอบแทนย้อนหลังได้อย่างโดดเด่น
ทั้งนี้ ตามข้อมูลของ บลจ. ทิสโก้ นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน TUSMS เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2564 จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ในระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน กองทุน TUSMS มีมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) เพิ่มขึ้นจาก 10 บาทต่อหน่วยลงทุน เป็น 10.6268 บาทต่อหน่วยลงทุน หรือเพิ่มขึ้น 6.27% และยังคงมีเม็ดเงินไหลเข้าซื้อต่อเนื่องหลังจากที่กองทุนเริ่มเปิดให้สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ ทำให้กองทุนมีมูลค่าโครงการกว่า 510 ล้านบาท ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกันดัชนีชี้วัดของกองทุน คือ ผลการดำเนินงานของกองทุนรวมหลักปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อคำนวณผลตอบแทนในรูปสกุลเงินบาท ณ วันที่คำนวณผลตอบแทนในสัดส่วน 100% มีผลตอบแทนย้อนหลังอยู่ที่ 8.28% ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
อย่างไรก็ตาม แม้ราคาหน่วยลงทุนปรับขึ้นมาระดับหนึ่งจากราคาเสนอขายไอพีโอ แต่บลจ.ทิสโก้แนะนำให้นักลงทุนถือเพื่อลงทุนต่อในระยะกลางถึงยาว ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีไปพร้อมกับศักยภาพการเติบโตของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก อีกทั้งเศรษฐกิจหรัฐฯ มีโอกาสเติบโตได้ดีในระยะยาว เพราะได้รับแรงหนุนจากมาตรการของรัฐฯ วงเงินกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตรียมเสนอต่อรัฐสภาเร็วๆ นี้ อีกทั้ง นโยบายต่างๆ ที่กำลังอยู่ระหว่างพิจารณา เช่น การขึ้นภาษี, กฏหมายการผูกขาดการค้า ล้วนส่งผลกระทบกับหุ้นขนาดกลาง-เล็กอย่างจำกัด ขณะที่ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ซึมซับข่าวการปรับลดสภาพคล่องในระบบของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ไประดับหนึ่ง อีกทั้งนักลงทุนเริ่มคลายความกังวล และเริ่มเห็นแรงซื้อหุ้นเติบโตกลับเข้ามาบ้างแล้ว
นอกจากนี้ ด้วยกลยุทธ์การลงทุนของกองทุนหลักอย่าง กองทุน Granahan US SMID Select FUND ชนิดหน่วยลงทุน A (Acc) - USD ก็มีความน่าสนใจตรงที่ผู้จัดการกองทุนซึ่งมีประสบการณ์การลงทุนในหุ้นขนาดกลางขนาดเล็กของสหรัฐฯ กว่า 22 ปีจะลงไปวิเคราะห์และพูดคุยกับผู้บริหารในแต่ละบริษัทที่เป็นเป้าหมายการลงทุนด้วยตัวเอง จากหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กของสหรัฐฯ ที่มีมากถึง 1,345 บริษัท ซึ่งแน่นอนว่ามีหลายบริษัทที่นักลงทุนทั่วไปยังไม่รู้จัก การเข้าไปพูดคุยแบบเจาะลึกนี้ทำให้ผู้จัดการกองทุนสามารถเลือกลงทุนได้ตั้งแต่ราคายังไม่ปรับขึ้นไปมากนัก และด้วยจำนวนหุ้นที่มีให้เลือกมากกว่าหุ้นขนาดใหญ่ ทำให้เมื่อราคามูลค่าหุ้นเริ่มสูงเกินไป หรือปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยน ผู้จัดการกองทุนก็สามารถปรับเปลี่ยนหุ้นได้อย่างหลากหลายอีกด้วย
สำหรับ 3 กลยุทธ์หลักในการเลือกหุ้น คือ 1. หุ้นที่มีคุณภาพ มีรายได้สม่ำเสมอ และมีงบการเงินแข็งแกร่ง โดยหุ้นกลุ่มนี้จะถือลงทุนประมาณ 1-7 ปี 2. หุ้นที่มีนวัตกรรมที่โดดเด่น สามารถรุกตลาดใหม่ๆ ได้ แม้ว่าจะยังไม่มีกำไร แต่มีโอกาสเติบโตสูง โดยหุ้นกลุ่มนี้จะถือลงทุนประมาณ 1-10 ปี และ 3. หุ้นที่มีจุดเปลี่ยนสำคัญ ทั้งในเชิงการผลิตสินค้าและบริการ การตลาด เปลี่ยนการบริหารจัดการ เปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหม่ รวมถึงหุ้นที่มีการควบรวมกิจการ โดยหุ้นกลุ่มนี้จะถือลงทุนประมาณ 1-3 ปี
นายสาห์รัชกล่าวอีกว่า ด้านผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนหลักในระยะกลาง ก็ถือว่าสร้างผลตอบแทนได้อย่างน่าสนใจ โดยข้อมูลจาก Morningstar ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 กองทุน Granahan US SMID Select FUND ชนิดหน่วยลงทุน A (Acc) - USD มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 สัปดาห์ 1 เดือน 3 เดือน และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 4.04% 10.20% 4.98% และ 31.98% ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกันดัชนีชี้วัด (Benchmark) ของกองทุนคือ Russell 2500 Growth NR USD มีผลตอบแทนย้อนหลังอยู่ที่ 1.22% 5.35% 6.01% และ 12.14% อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ทั้งนี้ กองทุนเปิด TUSMS อาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ จึงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม ผู้สนใจลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน และสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และ www.tiscoasset.com หรือ แอปพลิเคชัน TISCO My Funds
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit