CPANEL เผยครึ่งปีหลังแนวโน้มเติบโต ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป Precast ได้รับความนิยมเพิ่ม แก้ปัญหางานก่อสร้าง โชว์ Backlog 900 ล้านบาท ตั้งเป้าปีนี้เติบโตกว่า 40%

19 Jul 2021

CPANEL เผยธุรกิจครึ่งปีหลังแนวโน้มเติบโตแม้ภาพรวมอสังหาฯชะลอ ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป Precast ได้รับความนิยมเพิ่ม แก้ปัญหางานก่อสร้าง ผู้ประกอบการ ผู้รับเหมา เน้นความรวดเร็ว ลดสต็อก ลดต้นทุน ชูกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงขยายฐานลูกค้าโครงการใหม่ทั้งแนวราบ และแนวสูง โชว์ Backlog 900 ล้านบาท ตั้งเป้าอัตราเติบโตของยอดขาย 40%

CPANEL เผยครึ่งปีหลังแนวโน้มเติบโต ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป Precast ได้รับความนิยมเพิ่ม แก้ปัญหางานก่อสร้าง โชว์ Backlog 900 ล้านบาท ตั้งเป้าปีนี้เติบโตกว่า 40%

นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) (CPANEL) ผู้ผลิตและจำหน่ายผนังคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง แนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ในภาวะอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจ และประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 หรือ ศบค. ในการปิดไซต์งานก่อสร้างและที่พักแรงงานภายในพื้นที่กทม. ปริมณฑล และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวเล็กน้อย และเป็นผลระยะสั้น เนื่องจากลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่ เป็นผู้ประกอบการที่มีความสามารถในการเติบโต อีกทั้งมีการขยายโครงการออกต่างจังหวัดมากขึ้น จึงมีคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป Precast ได้รับความนิยมมากขึ้น ในกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และผู้รับเหมา ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่มีการประกาศมาตรการรับมือต่างๆ อาทิ การจำกัดจำนวนคนในพื้นที่ โดย Precast สามารถลดต้นทุนแรงงานประมาณ 50% อีกทั้ง สามารถแก้ปัญหางานก่อสร้าง ช่วยลดสต็อก ลดระยะเวลาและขั้นตอนในการก่อสร้าง (รวมงาน Finishing) ประมาณ 30% ส่งผลให้ต้นทุนรวมของการก่อสร้างลดลง 15% ซึ่ง CPANEL มีเทคโนโลยีก่อสร้างที่ตอบสนองในเรื่องดังกล่าว ถือเป็นโอกาสของบริษัทมีแนวโน้มการรับงานสูงขึ้นในอนาคต

"ในอนาคต Precast จะเข้ามาทดแทนการก่อสร้างรูปแบบเดิมมากขึ้น โดยเฉพาะการก่อสร้างบ้านแนวราบ ประมาณการณ์ปีละ 3% โดยสถานการณ์โควิด-19 เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนี้ ทำให้ต้องการพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น อีกทั้งเทคโนโลยีการขนส่งทุกประเภทไม่ว่าจะเป็น บริการส่งถึงบ้าน (Delivery door to door) หรือ ระบบขนส่งมวลชน (Mass transportation) จะเป็นปัจจัยสนับสนุนทำให้ประชากรกระจายตัวออกไปอยู่นอกเมือง ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้มีความต้องการบ้านแนวราบมากขึ้น" นายชาคริต กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มปริมาณคำสั่งซื้อลูกค้าเดิม พร้อมกระจายความเสี่ยงขยายฐานลูกค้าโครงการใหม่ทั้งแนวราบ และแนวสูง ถือเป็นการขยายโอกาสการรับงานให้มีความหลากหลาย ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาและรอเซ็นสัญญาหลายโครงการ

ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีมูลค่างานในมือ (Backlog) 900 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ภายใน 3 ปี ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 60-70% โดยบริษัทตั้งเป้าอัตราเติบโตของยอดขายปีนี้อยู่ที่ 40%

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit