นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เปิดเสนอขาย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Asia Opportunity (SCB Asia Opportunity Fund : SCBAO) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท เริ่มเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 9 - 16 กุมภาพันธ์ 2564 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาว ที่ต้องการลงทุนในหุ้นเอเชียเพื่อโอกาสการเติบโตของพอร์ตการลงทุน
สำหรับปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดเอเชียมีความน่าสนใจ มาจากการอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้นของประเทศจีนซึ่งเป็นผู้นำตลาดเอเชีย ทำให้มี GDP สูงขึ้น รวมถึงการที่ได้รับปัจจัยหนุนจากการอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นสภาพคล่องและการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกในระยะที่ผ่านมา ประกอบกับดัชนี MSCI ACWI มีสัดส่วนหุ้นเอเชียค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับ GDP ของเอเชียที่สูงขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าหุ้นเอเชียมีโอกาสเติบโตได้ระยะยาว ดังนั้น การเลือกลงทุนในหุ้นเอเชียที่มีคุณภาพสูง จึงเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนให้สูงขึ้น และมีแนวโน้มเติบโตดีกว่าเมื่อเทียบกับตลาดอื่น ๆ ทั่วโลก
กองทุน SCBAO เป็นกองทุนบริหารเชิงรุก ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้ แก่ Morgan Stanley Investment Funds (MS INVF) Asia Opportunity Fund (กองทุนหลัก) ชนิดหน่วยลงทุน Z Accumulation ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน บริหารโดย Morgan Stanley จดทะเบียนภายใต้กฎหมายของประเทศลักเซมเบิร์ก และอยู่ภายใต้ UCITS กองทุน SCBAO มีวัตถุประสงค์สร้างผลตอบแทนระยะยาวจากการกระจายการลงทุนไปยังหุ้นเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) ในหลากหลายกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัว และขยายตัวดีกว่าภูมิภาคอื่น ด้วยสัดส่วนประชากรที่มากถึง 58%จากประชากรทั้งหมด จึงถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก เน้นพอร์ตการลงทุนที่เป็น high-conviction ประมาณ 20 - 40 ตัว ในหุ้นคุณภาพดีและเข้าซื้อในราคาที่น่าลงทุน รวมถึงมี turn over ในพอร์ตต่ำที่ประมาณ 20% -50% ต่อปี โดยเน้นการคัดเลือกหลักทรัพย์รายตัว (Bottom-up stock selection) ภายใต้กรอบการลงทุนที่ไม่ยึดติดน้ำหนักการลงทุนกับดัชนีอ้างอิง (Benchmark Agnostic) กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ตามความเหมาะสมสำหรับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการลงทุน
สำหรับกองทุนหลัก บริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์การลงทุนยาวนานในหุ้นเอเชีย ภายในทีมมีการสนับสนุนความคิด พัฒนา และการสร้างสรรค์ ภายใต้แนวคิดการลงทุนระยะยาว 3 -5 ปี คือจุดเริ่มต้นและรากฐานของการลงทุน โดยให้ความสำคัญกับมุมมองที่แตกต่างและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของการลงทุน ซึ่งครอบคลุมหุ้นในทุกช่วงขนาด กลุ่มธุรกิจ และประเทศ ทั้งกระบวนการการลงทุนยังให้ความสำคัญกับธุรกิจที่มีข้อได้เปรียบทางธุรกิจอย่างยั่งยืนอีกด้วย โดยจุดเด่นของกองทุนหลัก คือ การเน้นโอกาสทำกำไรจากหุ้นเอเชีย ด้วยวิธีการหาโอกาสการลงทุนจากการคัดหุ้นคุณภาพได้เปรียบการแข่งขันและทนทานต่อ disruptive change หุ้นที่โดดเด่นนอกเหนือจากในดัชนี หุ้นที่มีราคาน่าสนใจนำไปสู่การสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม รวมถึงการให้ความสำคัญต่อการประเมินมูลค่าหุ้น และคำนึงถึงมูลค่าหุ้นในระยะยาวมากกว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ ทั้งนี้ กองทุนหลักมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 14.82% และ 1 ปี อยู่ที่ 51.80% เทียบกับดัชนีอ้างอิง MSCI All Country Asia ex Japan อยู่ที่ 18.60% และ 25.02% ตามลำดับ (ที่มา: Morgan Stanley ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563)
"ในปี 2564 นี้ ตลาดหุ้นเอเชียนับเป็นหนึ่งภูมิภาคที่น่าสนใจลงทุน เนื่องจากตลาดหุ้นเอเชียน่าจะได้รับผลบวกจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ ข่าวดีจากการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัส COVID-19, การเติบโตของ Semiconductor Cycle ที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องไปอีก 3 - 4 ปีข้างหน้าท่ามกลางกระแสเทคโนโลยี 5G ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนมีแนวโน้มผ่อนคลายลง ซึ่งมาตรการการแข่งขันทางการค้าของนาย โจ ไบเดน จะมีการเปลี่ยนรูปแบบจากมาตรการทางด้านภาษีไปสู่มาตรการทางการค้าที่มิใช่ภาษี และการรวมกลุ่มทางการค้าแทน ส่งผลให้ปริมาณการค้าโลกปรับตัวดีขึ้น และเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นเอเชีย ถึงแม้ว่า สงครามเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากนาย โจ ไบเดน ยังคงสนับสนุนนโยบายที่จะกีดกัน Software, Applications รวมถึงเทคโนโลยี 5G ของบริษัทจีน อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยเหล่านี้ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้น ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียยังคงมีความน่าสนใจสูงกว่ากว่าตลาดหุ้นโลก ไม่ว่าจะเป็นด้าน Valuation และด้านการขยายตัวของผลกำไร โดยคาดว่าผลกำไรในอีก 12 เดือนข้างหน้ายังมีมุมมองบวกต่อเนื่อง อีกทั้งค่าเงินที่มีแนวโน้มแข็งค่ามากขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้เงินทุนเคลื่อนย้ายมีแนวโน้มไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียต่อเนื่อง" นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ กองทุน SCBAO ยังเป็นหนึ่งในกองทุนของแคมเปญตรุษจีน "ลงทุนมั่งคั่ง สมหวังดังใจ" ภายใต้ธีมเฮงเฮงก้าวกระโดด เน้นกลุ่มกองทุนตลาดเกิดใหม่ เพื่อโอกาสการเติบโตอย่างมีศักยภาพ โดยผู้ที่สนใจสามารถลงทุนได้ตั้งแต่วันนี้ - 19 ก.พ. 2564 ผ่านช่องทาง SCBAM Fund Click, SCB EASY App หรือผู้สนับสนุนการขายทุกราย โดยทุก ๆ ยอดเงินลงทุน 50,000 บาท จะได้รับหน่วยลงทุนกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Machine Learning China All Share (SCBMLCA) มูลค่า 50 บาท สูงสุด 5,000 บาท และผู้ที่ลงทุนผ่าน SCB EASY App จะได้รับบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ เซ็นทรัล กรุ๊ป เพิ่มอีกมูลค่า 100 บาท เมื่อลงทุนตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป (กองทุน SCBMLCA เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นที่ออกโดยบริษัทสัญชาติจีนใน 3 ตลาดสำคัญของประเทศจีน ได้แก่ ตลาด A-share, ตลาด H-share และตลาด ADR (ความเสี่ยงระดับ 6 ซึ่งอาจสูงกว่าความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของแต่ละบุคคล)
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนทำการลงทุน สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการ ได้ที่ SCBAM Call Center โทร.02-777-7777 กด 0 กด 6 หรือผู้สนับสนุนการขายทุกราย หรือ https://scbam.link/aks สนใจเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชัน SCBAM Fund Click ได้ที่ https://scbam.link/scbam_fund_click
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit