บมจ.ผลธัญญะ หรือ PHOL กางแผนปี 64 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% ธุรกิจหลักสินค้ากลุ่มเซฟตี้ยังมีความต้องการจากลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมและหน่วยงานภาครัฐต่อเนื่อง พร้อมรุกตลาดคอนซูมเมอร์ผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ขณะที่สินค้าด้านการควบคุมสภาพแวดล้อม ได้รับปัจจัยบวกจากกระแส Work from Home และเทคโนโลยีใหม่ ด้านธุรกิจระบบบำบัดน้ำ จากปัญหาภัยแล้งและกฎหมายสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการนำน้ำมารีไซเคิลในอุตสาหกรรมมากขึ้น ส่งผลดีต่อบริษัทฯ ในการรับงานโปรเจ็กต์ต่อเนื่อง
นายบุญชัย สุวรรณวุฒิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลธัญญะ จำกัด (มหาชน) หรือ PHOL ผู้ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าเพื่อความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมครบวงจร รายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2564 ตั้งเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ย 10-15% จากปีก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการสินค้าด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่ยังมีความจำเป็นต้องใช้งานต่อเนื่องในสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ทั้งนี้ มองว่าสินค้ากลุ่ม SAFETY ยังมีความจำเป็นต้องใช้ต่อเนื่อง ตามรูปแบบวิถีการดำเนินธุรกิจและการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนแบบปกติใหม่เนื่องมาจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 สินค้าเหล่านี้ยังอยู่ในความต้องการของตลาด โดยในปี 2564 บริษัทจะรุกตลาดลูกค้าคอนซูมเมอร์มากขึ้น ผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ เน้นการพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ตลาดผู้บริโภคยุคปัจจุบันมากขึ้น เช่น การเพิ่มแฟชั่นความสวยงาม ทันสมัย ควบคู่กับคุณสมบัติด้านความปลอดภัย จากเดิมที่เน้นความปลอดภัยในอุตสาหกรรมเป็นหลัก และการพัฒนาช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ทั้งของบริษัทเอง และการขายผ่าน Marketplace ของผู้ให้บริการภายนอก ด้านสินค้าควบคุมสภาพแวดล้อม (CE) ยังมีความต้องการใช้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้รับอานิสงส์จากรูปแบบ Work From Home และเทคโนโลยีใหม่ ทำให้ภาคการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้น โดยบริษัทมุ่งเน้นการบริหารซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ สามารถรักษากลุ่มลูกค้าเดิมและเพิ่มโอกาสขยายฐานลูกค้าไปยังอุตสาหกรรมอื่นที่ยังมีส่วนแบ่งการตลาดไม่มากนัก
สำหรับธุรกิจด้านระบบบำบัดน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค (Water) ถึงแม้ว่าปีที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานจะไม่ได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่เลื่อนโปรเจ็กต์ออกไป แต่ถือว่าประสบความสำเร็จที่มีรายได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยปี 2564 คาดว่าจะยังสามารถเติบโตได้ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เริ่มกลับมาดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ มองว่าในอนาคตปัญหาด้านทรัพยากรน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการ การใช้น้ำทั้งภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และประชาชนทั่วไปอาจมีข้อจำกัด อีกทั้งภาครัฐที่ออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรและจัดการทรัพยากรน้ำมีแนวโน้มเข้มงวดขึ้น ทำให้ทุกภาคส่วนต้องให้ความสำคัญเรื่องการบริหารจัดการน้ำเพิ่มขึ้น
"กลยุทธ์หลักในปีนี้ เราใช้จุดแข็งเรื่องซัพพลายเชน ในการรักษาฐานลูกค้าเดิมและการเพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ไปยังอุตสาหกรรมอื่นที่ยังมีส่วนแบ่งการตลาดไม่สูงมากนัก โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังเติบโตได้ในสถานการณ์โควิด เช่น อุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มการแพทย์และสาธารณสุข เป็นต้น มองภาพรวมธุรกิจยังเติบโตได้ดีในปี 2564 เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมหลักต่างๆในประเทศ เช่น ยานยนต์ ปิโตรเคมี และอุตสาหกรรมการก่อสร้าง เริ่มมีสัญญาณบวกกลับมาผลิตได้ตามปกติ หลังจากที่สถานการณ์โควิดมีการควบคุมได้ดีและเริ่มมีวัคซีน ด้านภาครัฐยังมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทมีแผนงานขยายฐานลูกค้าในตลาดคอนซูมเมอร์เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่สร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้" นายบุญชัย กล่าว
สำหรับผลประกอบการงวดประจำปี 2563 (สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2563) บริษัทมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 73.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78.32% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 41.42 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายและให้บริการรวมอยู่ที่ 1,055.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.76% เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่มีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 911.85 ล้านบาท รายได้ที่เพิ่มขึ้นหลักมาจากสินค้าด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล เนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้แก่ ถุงมือยางและถุงมือไนโตร ชุดป้องกันเชื้อโรค หน้ากากอนามัย เป็นต้น
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit