ECF เผยธุรกิจไตรมาส 1/64 เติบโตต่อเนื่อง ออเดอร์ผลิตเฟอร์นิเจอร์ทั้งในและต่างประเทศล้น รับอานิสงส์โควิด-19 ระลอกใหม่ เร่งขยายกำลังการผลิตรองรับ เดินหน้ารุกช่องทางออนไลน์ ธุรกิจพลังงาน โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มินบู สามารถรับรู้กำไรส่วนแบ่งจากการขายไฟตามปกติ ผลประกอบการปี 2563 รายได้รวม 1,415.63 ล้านบาท โต 9.66% กำไรสุทธิ 41.16 ล้านบาท เล็งจ่ายปันผลหุ้นละ 0.0125 บาท แจกฟรี ECF-W4
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) ผู้ผลิตและจำหน่าย เฟอร์นิเจอร์ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา จำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 1/64 มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับตลาดในประเทศ บริษัทมุ่งเน้นกระตุ้นยอดขายผ่านช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ อาทิ จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เว็บไซต์ของบริษัท และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ อาทิ Lazada Shopee อีกทั้งร้านโมเดิร์นเทรดชั้นนำที่มีสาขาทั่วประเทศ พร้อมกับแผนการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น รวมถึงยังมีแผนจะเพิ่มความหลากหลายของช่องทางการจำหน่ายสินค้า เพื่อลดการพึ่งพิงเพียงช่องทางใดช่องทางหนึ่ง
ขณะที่ตลาดต่างประเทศ ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าประเทศอเมริกาอินเดีย จีน ญี่ปุ่น มีคำสั่งซื้อทยอยเข้ามามากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่งผลให้บริษัทวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่มีศักยภาพอยู่ระหว่างการเจรจาอีกหลายราย ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากยอดขายต่างประเทศอยู่ที่ 63% และในประเทศอยู่ที่ 37%
สำหรับธุรกิจพลังงานทดแทน ปัจจุบันยังสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 MW เมืองมินบู ประเทศเมียนมาร์ สำหรับเฟสแรก (50 MW) ได้ตามปกติ ถึงแม้ว่าจะมีเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศเมียนมาร์
ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 2563 บริษัทมีรายได้รวมทุกกลุ่มธุรกิจ 1,415.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124.70 ล้านบาท หรือ 9.66 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,290.93 ล้านบาท ซึ่งรายได้จากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ 1,363.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 112.17 ล้านบาท หรือ 8.96 %จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ 1,251.51 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิประจำปี 41.16 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 41.10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 69.89 ล้านบาท
คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายปันผลหุ้นละ 0.0125 บาท หรือคิดเป็นอัตราจ่ายปันผล 41.49 % ของกำไรสุทธิของบริษัท (งบเฉพาะกิจการ) หลังหักสำรองตามกฎหมาย โดยจะทำการกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล(Record Date) ในวันที่ 30 เม.ย. 2564 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 21 พ.ค.2564 (ภายหลังวันที่ขออนุมัติจากประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 22 เม.ย 2564) รวมถึงคณะกรรมการบริษัทยังมีมติการออกและเสนอจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ (ECF-W4) ในกับผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท จัดสรรแบบไม่คิดมูลค่าในอัตราส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ มีอายุ 3 ปี ในราคาใช้สิทธิแปลงสภาพที่ 2 บาทต่อหุ้น โดย 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ มีสิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น โดยจะทำการกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล(Record Date) ในวันที่ 21 พ.ค. 2564 และกำหนดวันที่ออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ ECF-W4 ในวันที่ 2 มิ.ย.2564 (ภายหลังวันที่ขออนุมัติจากประชุมผู้ถือหุ้นเช่นเดียวกัน)