คนที่นอนกรนมักจะมี "ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ" จริงไหม?

05 Apr 2021

คนที่นอนกรนมักจะมี "ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ" จริงไหม?

คนที่นอนกรนมักจะมี "ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ" จริงไหม?

การนอนหลับถือเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด แต่ก็อาจมีอันตรายร้ายแรงแฝงอยู่ได้ ถ้าร่างกายนั้นเกิดมีอาการผิดปกติ โดยเฉพาะคนที่ชอบนอนกรน กรนเสียงดัง และหยุดหายใจเป็นระยะๆ หรือตื่นมาแล้วไม่สดชื่น สะดุ้งตื่นตอนนอน ง่วงนอนตอนกลางวัน วูบหลับไม่รู้ตัว นอนขากระตุก นอนกัดฟัน นอนละเมอฝันร้าย ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) จะช่วยบอกได้ว่าคุณภาพในการนอนของคุณเป็นอย่างไร หลับได้ดีหรือสนิทแค่ไหน มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในขณะนอนหลับหรือไม่ โดยที่ผู้ป่วยเองไม่สามารถทราบได้ โดยเฉพาะภาวะหยุดหายใจขณะหลับ!!

Sleep Test เป็นการตรวจการนอนหลับที่เป็นมาตรฐาน ทำในห้องปฏิบัติการนอนหลับโดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเป็นผู้ควบคุมดูแล มีการติดอุปกรณ์ตามร่างกายเพื่อแสดงผลโดยการบันทึกคลื่นสมองระดับออกซิเจนในเลือด อัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจ ตลอดจนการเคลื่อนไหวในขณะนอนหลับ และถ้าพบว่ามีการหยุดหายใจบ่อย เจ้าหน้าที่จะใส่เครื่องช่วยหายใจ (CPAP) แล้วทำการปรับความดัน เพื่อให้ทราบค่าความดันที่เหมาะสมที่สุดเพื่อใช้รักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

สำหรับการวินิจฉัยความผิดปกติขณะนอนหลับ จะทำการวัดตลอดทั้งคืนอย่างน้อยประมาณ 6-8 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเวลาปกติของการหลับของคนทั่วไป ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ทำการรักษาหรือแก้ไข อาจมีผลกระทบต่อสมอง หัวใจ และร่างกายส่วนอื่นๆ บางคนเป็นรุนแรงมากและอาจถึงขั้นเสียชีวิตขณะหลับได้..

ในผู้ที่มีภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะนอนหลับจะมีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคเมื่อเทียบกับคนปกติ

* โรคความดันโลหิตสูง มีโอกาสเสี่ยงเป็นมากกว่าคนปกติ 1.5-2.5 เท่า

* โรคหัวใจขาดเลือด มีโอกาสเสี่ยงมากกว่าคนปกติ 2-4 เท่า

* โรคหลอดเลือดในสมอง มีโอกาสเสี่ยงมากกว่าคนปกติ 2 เท่า

ซึ่งการรักษาภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะนอนหลับนั้น สามารถทำได้ทั้งแบบผ่าตัดและแบบไม่ผ่าตัด ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความรุนแรงของอาการในผู้ป่วยแต่ละราย โดยผู้ป่วยควรทดสอบการนอนหลับ ก่อนเพื่อให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยและประเมินผล พร้อมแนะนำแนวทางวิธีการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

"โรคนอนกรน" ข้อมูลเพิ่มเติมคลิก https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/63