กองทุนบัวหลวงประกาศจ่ายเงินปันผล กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน หรือ B-CHINE-EQ ครั้งที่ 5 ในอัตรา 0.15 บาทต่อหน่วยลงทุน วันที่ 20 เมษายนนี้ โดยรวมทั้งสิ้นจ่ายปันผลไปแล้ว 1.20 บาทต่อหน่วยลงทุน
นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE-EQ) เตรียมจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 5 สำหรับผลการดำเนินงาน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 - 31 มีนาคม 2564 ในอัตรา 0.15 บาทต่อหน่วยลงทุน โดยได้ปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน วันที่ 8 เมษายน 2564 เพื่อจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนตามกำหนดในวันที่ 20 เมษายน 2564 นี้ และเมื่อนับรวมตั้งแต่จัดตั้งกองทุน จนถึงการประกาศครั้งนี้ จ่ายเงินปันผลไปแล้วรวม 1.20 บาทต่อหน่วยลงทุน
กองทุนบัวหลวงเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนในระยะยาว ถึงแม้ทางการจีนจะประกาศเป้าหมายเติบโตทางเศรษฐกิจเพียง 6% แต่ตัวเลขนี้ถือว่าเป็นระดับที่สูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ที่สำคัญจีนมุ่งสร้างความแข็งแกร่งของตัวเอง ลดการพึ่งพาต่างประเทศด้วยนโยบาย Dual Circulation เน้นการบริโภคภายในประเทศ และการผลิตนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยี
นายพีรพงศ์ กล่าวต่อว่า ช่วงปีที่ผ่านมา หุ้นจีนมีการปรับตัวขึ้นมาก นักลงทุนบางส่วนทยอยขายทำกำไร ทำให้เดือนที่ผ่านมาหุ้นจีนปรับตัวลดลง ซึ่งกองทุนบัวหลวงยังมองว่า การปรับตัวลงของหุ้นจีนครั้งนี้เป็นจังหวะดีที่เข้าลงทุนได้ โดยเมื่อเทียบ Forward P/E กับอัตราคาดการณ์ EPS growth ปี 2564 ของทั้งตลาด A-Shares อยู่ที่ 14 เท่าเทียบกับ 30% และ H-Shares อยู่ที่ 11 เท่าเทียบกับ 40% ถือว่ามูลค่าตลาดน่าสนใจ
หากพิจารณาถึงจำนวนหุ้นจีนทั้งหมดที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดจีน A-Shares เอง มีขนาดมากถึง 10.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าตลาดหุ้นยุโรปรวมกันทั้งหมดที่ขนาด 7.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงเห็นได้ว่าตลาดจีนมีโอกาสในการแสวงหาการลงทุนที่ดีกว่า โดยการลงทุนผ่านทุกตลาดที่หุ้นจีนจดทะเบียนอยู่ เช่น ตลาด China A, China US listed ADR (American Depository Receipt) รวมไปถึงหุ้นจีนที่จดทะเบียนอยู่ใน Hong Kong เป็นต้น
ทั้งนี้ ทางผู้จัดการกองทุนของบัวหลวงยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นจีน A-Shares ทั้งที่จดทะเบียนใน Shanghai และ Shenzhen โดยกองทุนให้น้ำหนักการลงทุนมากกว่า 40% ในตลาด China A-Shares และมองว่าในระยะยาวตลาดหุ้นจีนที่จดทะเบียนในแผ่นดินใหญ่ จะได้ผลประโยชน์จากการที่จีนให้ความสำคัญกับการเติบโตเชิงคุณภาพและเน้นการเติบโตในประเทศเป็นสำคัญ
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คือ การที่รัฐบาลจีนเพิกถอนการจดทะเบียนของบริษัทยักษ์ใหญ่ในจีนอย่าง Ant Financial และปรับเงินมากถึง 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อหุ้นอย่าง Alibaba จึงเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า ทางรัฐบาลจีนมุ่งเน้นการเติบโตของตลาดทุนอย่างมีคุณภาพ ซึ่งดีต่อภาพรวมการเติบโตของตลาดในระยะยาวอีกด้วย เห็นได้จากการปรับตัวขึ้นมากถึง 6% ของหุ้น Alibaba (BABA US ADR, 9988 HK) ในอาทิตย์ที่ผ่านมา ในระยะยาวการเพิ่มน้ำหนักของหุ้นจีน A-Shares ในดัชนี MSCI จะส่งผลให้มีเม็ดเงินที่ไหลเข้าจีนอย่างมีนัยสำคัญ และเนื่องจากเป็นการลงทุนจากผู้จัดการกองทุนชั้นนำของโลกจึงจะสามารถสร้างเสถียรภาพและลดความผันผวนให้กับตลาดหุ้นจีนได้อีกด้วย
กองทุนบัวหลวงมีแนวคิดในการบริหารกองทุน B-CHINE-EQ โดยมองโอกาสลงทุนไปยังหุ้นจีนในหลายๆ ตลาด ได้แก่ A-Shares, H-Shares รวมถึงในตลาดสหรัฐฯ เป็นต้น ณ ปัจจุบัน กองทุนบัวหลวงมอบหมายให้ อลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์ เอเชีย แปซิฟิก (Allianz Global Investors Asia Pacific Limited) เป็นผู้รับดำเนินการในต่างประเทศ (Outsourced Fund Manager)
นอกจากนี้ ทีมลงทุนของกองทุนบัวหลวง ยังเข้าไปลงทุนเองในหุ้นรายตัวบางส่วน ในหลักทรัพย์ที่เรามั่นใจในศักยภาพ เช่น ในกลุ่มเทคโนโลยี เรามีการเพิ่มหุ้น Tencent Holdings Ltd. บริษัทให้บริการด้านอินเทอร์เน็ตและเกมส์ รายใหญ่ที่สุดของจีน หรือกลุ่ม commerce เช่น หุ้น ANTA Sports Products Ltd. แบรนด์ Sportswear ของจีน ซึ่งมีสาขากว่า 10,000 สาขาทั่วประเทศจีน ที่ประสบความสำเร็จในการเพิ่มยอดขายออนไลน์ เป็นต้น
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
การป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นกับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit