KK เคาะราคาไอพีโอ 0.88 บาท เปิดขาย 29 ก.ย.-1 ต.ค.นี้ฤกษ์ดีเข้าเทรดตุลาคมนี้

28 Sep 2020

บมจ.เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น (KK) เคาะขายไอพีโอหุ้นละ 0.88 บาท เตรียมเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 29 ก.ย.-1 ต.ค.นี้ ได้ฤกษ์ดีเข้าตลาด mai ตุลาคมนี้ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำอันเดอร์ไรท์ฯ ระบุเป็นราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน มั่นใจเปิดจองซื้อกระแสตอบรับล้นหลาม หลังเดินสายโรดโชว์พบนักลงทุนให้ความสนใจเพียบ ชูจุดเด่นเป็น Modern-Traditional Trade จำนวน 28 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ในจังหวัดสงขลา พัทลุง และสตูล ที่สำคัญในอนาคตผลประกอบการจะขยายตัวโดดเด่นจากสาขาที่เพิ่มขึ้น ผู้บริหาร "กวิศพงษ์ สิริธนนนท์สกุล" อยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการถือหุ้น KK เพื่อก้าวไปสู่อนาคตสดใสด้วยกัน

KK เคาะราคาไอพีโอ 0.88 บาท เปิดขาย 29 ก.ย.-1 ต.ค.นี้ฤกษ์ดีเข้าเทรดตุลาคมนี้

นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม สายงานวาณิชธนกิจ – ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) หรือ KTBST ที่ปรึกษาทางการเงินและในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญของ บมจ.เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น (KK) เปิดเผยว่าบริษัทฯ ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 69 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 0.88 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับ 14.02 เท่า (Pre diluted) ซึ่งถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัท โดยจะเปิดให้จองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 29 กันยายน-1 ตุลาคมนี้ และคาดว่าสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในตุลาคม 2563 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า "KK" เข้าเทรดในหมวดบริการ

พร้อมกันนี้ ยังมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 2 แห่ง ประกอบด้วยบริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด

“การกำหนดราคาขายหุ้นไอพีโอที่ระดับ 0.88 บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีความน่าสนใจอย่างมาก เนื่องจาก KK มีจุดแข็งตรงที่เป็น Modern-Traditional Trade จำนวน 28 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ในจังหวัดสงขลา พัทลุง และสตูล ทำเลที่ตั้งทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทำให้สร้างรายได้และกำไรเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลา 27 ปี และในอนาคตธุรกิจมีโอกาสเติบโตจากมาตรการภาครัฐที่กระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนในพื้นที่ และจากการโรดโชว์ให้กับนักลงทุนในช่วงที่ผ่านมาก นักลงทุนให้การตอบรับอย่างล้นหลาม จึงทำให้มั่นใจว่าหุ้น KKจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก และจะสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุนด้วยเช่นกัน"นายรัฐชัย กล่าวในที่สุด

ด้านนายกวิศพงษ์ สิริธนนนท์สกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น (KK) กล่าวว่า บริษัทฯจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปใช้ในการขยายร้านสาขา เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ ชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับแผนขยายร้านสาขาอย่างต่อเนื่องจำนวน 3-4 สาขาในแต่ละปี โดยมุ่งเน้นเปิดร้านสาขาในพื้นที่จังหวัดสงขลา พัทลุง สตูล และจังหวัดอื่นๆ ในภาคใต้ เพื่อมุ่งสู่การเป็นร้านสะดวกซื้อชั้นนำในภาคใต้ และเป็นร้านค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคอันดับแรกๆ ที่ผู้บริโภคนึกถึง ภายใต้แนวคิด “ซื้อของครบ พบของถูก ถูกทุกวัน ที่ K&K ทุกสาขา ใกล้บ้านคุณ” เพื่อเพิ่มศักยภาพของบริษัทให้มีความแข็งแกร่งและมีอัตราการเติบโตที่ดีในอนาคต

“บริษัทมั่นใจว่าธุรกิจในอนาคตของ KK จะสามารถขยายตัวต่อไปได้อีกมาก จากเงินทุนหมุนเวียนที่มีมากขึ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับในฐานะที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ที่สำคัญสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืนในอนาคต”นายกวิศพงษ์กล่าว

ทั้งนี้ แหล่งข่าวได้พิจารณาบทวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก 3 โบรกเกอร์ได้ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยหุ้นละเท่ากับ 1.20 บาท โดยมีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เฉลี่ยเท่ากับ 18.00 เท่า และเมื่อเทียบกับ บมจ. ธนพิริยะ (TNP) ที่ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคเหมือนกันมีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ประมาณ 20.00 เท่า