“SK” ไอพีโอน้องใหม่เทรดวันแรกเปิดเหนือจอง 100% ชูศักยภาพโรงงานผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรง ที่คลุมพื้นที่ทั่วประเทศ

08 Oct 2020

บมจ. ศิรกร (SK) ฤกษ์ดีลงสนามเทรด mai วันแรก (8 ต.ค.63) ไม่ทำให้ผู้ถือหุ้น – นักลงทุน ผิดหวัง เปิดเทรด 1.60 บาท หรือ 100% จากราคาไอพีโอ 0.80 บาท ชูศักยความโดดเด่น และ ข้อได้เปรียบในการมีโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีต ที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมส่งซิก ธุรกิจโตตามการเติบโตการขยายนโยบายการใช้พลังงานภายในประเทศ ด้านผู้บริหาร “ภากร ตั้งนุกูลกิจ” จ่อนำเงินระดมทุนเพิ่มสภาพคล่องเงินทุนหมุนเวียนรองรับการขยายธุรกิจ ปูทางประมูลงาน กฟผ. – กฟภ. ขนาด 230 KV - 500 KV พร้อมส่งสัญญาณปี2564 ผลงานสดใส หลังภาครัฐกลับมาลงทุน ขณะที่ FA ระบุ “SK” ถูกจัดเป็นหุ้น Growth Stock และ Dividend Stock ผลการเติบโตเด่น ปันผลน่าสนใจ

“SK” ไอพีโอน้องใหม่เทรดวันแรกเปิดเหนือจอง 100% ชูศักยภาพโรงงานผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรง ที่คลุมพื้นที่ทั่วประเทศ

นายภากร ตั้งนุกูลกิจ กรรมการบริษัทและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศิรกร จำกัด (มหาชน) หรือ “SK” เปิดเผยว่า วันนี้ (8 ต.ค. 2563) หุ้น “SK” เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรกเปิดทำการซื้อขายที่ระดับ 1.60 บาท เพิ่มขึ้น 100% จากราคาIPO ที่ 0.80 บาท ในหมวดวัสดุก่อสร้าง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยพิจารณาจากช่วงเปิดเสนอขายหุ้นไอพีโอ ระหว่างวันที่ 28-30 กันยายนที่ผ่านมา หุ้น“SK” ได้กระแสตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก ซึ่งถือว่าเป็นการส่งสัญญาณที่ดีของหุ้นไอพีโอน้องใหม่

สำหรับศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะจุดเด่นของ”SK” ที่ได้เปรียบผู้ประกอบการ ในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมประเภทเดียวกัน คือการที่บริษัทฯ มีโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีต จำนวน 6 แห่ง อาทิ กาฬสินธุ์ ชลบุรี ชัยนาท ลำปาง สุราษฎร์ธานี และสงขลา ซึ่งครอบคลุมพื้นที่การจำหน่ายทั่วประเทศ ทำให้ได้เปรียบด้านต้นทุนการขนส่ง และมีการบริหารจัดการต้นทุนวัสดุก่อสร้างในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างได้อย่างดี ประกอบกับบริษัทฯ ยังจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับคู่ค้ารายอื่นๆ ที่มีความต้องการ ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวได้ ซึ่งทำให้เป็นการเพิ่มยอดขาย ในส่วนของการขายผลิตภัณฑ์คอนกรีตได้ต่อเนื่อง

นอกจากนี้ กรรมการบริษัทและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ “SK” ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงโอกาสการเติบโตในอนาคตว่า บริษัทฯ วางกลยุทธ์การเติบโตผ่านธุรกิจรับเหมาเฉพาะทางเป็นหลัก ทั้งธุรกิจรับเหมา งานสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้า รวมถึงธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโยธา

โดยคาดว่าจะได้รับผลเชิงบวกตามแผนการเร่งลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวตามการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยเฉพาะธุรกิจรับเหมางานด้านไฟฟ้า ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าว ทำให้สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสการเติบโต ตามยุทธศาสตร์ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)

ขณะเดียวกัน แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (Power Development Plan : PDP) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในการเพิ่มการเข้าถึงและเพิ่มประสิทธิภาพระบบไฟฟ้าของประเทศ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ดำเนินงานรับเหมาสายส่งขนาด 230 KV ผ่าน Consortium โดยหลังจากที่โครงการดังกล่าวเสร็จสิ้น บริษัทฯ คาดจะสามารถเข้าประมูลงานขนาด 230 KV ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องผ่าน Consortium ทำให้เปิดโอกาสในการรับงานมากขึ้นในอนาคต

“ SK เตรียมประมูลงานรับเหมาระบบสายส่ง ขนาด 230 KV ของ กฟผ. มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท หลังจากที่โครงการ Consortium เสร็จสิ้น ซึ่งในแต่ละปี กฟภ. และ กฟผ. มีการขยายสายส่งไฟฟ้า ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติในการพัฒนาประเทศด้านพลังงานของประเทศไทย และคาดว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า จะสามารถเข้าประมูลงานขนาดใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะงานรับเหมาระบบสายส่ง ขนาด 500 KV ”

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ นำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับแผนการขยายงานในธุรกิจโดยเฉพาะการประมูลงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้น อาทิ งานรับเหมาก่อสร้างสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้า เพื่อเป็นการขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้ และยังเป็นการเพิ่มโอกาสการเข้าร่วมประมูลงานตามแผนลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ไฟฟ้าของ การไฟฟ้าภูมิภาค การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ซึ่งธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงโดยเฉพาะเสาไฟฟ้าและธุรกิจรับเหมาสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้าขนาด 115 KV จะได้อานิสงส์ควบคู่ไปด้วย

ส่วนทิศทางในครึ่งปีหลัง มองว่าภาพรวมของบริษัทฯจะกลับมาฟื้นตัวเนื่องจากยังมีงานที่รอการส่งมอบอีกกว่า10 โครงการ คิดเป็นมูลค่างานในมือ (Back log) เกือบ 160 ล้านบาท ซึ่งทยอยรับรู้ เกือบทั้งหมดภายในปีนี้ รวมถึงโครงการใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ พร้อมทั้งยังประเมินการเติบโตต่อเนื่อง ในปี 2564 โดยตั้งเป้าเติบโตเฉลี่ย 15-20% และคาดว่าจะคว้างานใหม่เข้ามาได้ไม่ต่ำกว่า 400-500 ล้านบาท โดยเชื่อว่าภาคการลงทุนจะกลับมาฟื้นตัว

ด้าน นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าวว่า บมจ. ศิรกร (SK) กล่าวในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินว่า การเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ของSK ในวันนี้ จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน และเชื่อมั่นว่าธุรกิจมีศักยภาพการเติบโตอย่างโดดเด่น ประกอบกับหากพิจารณาจากศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจ จะเห็นได้ว่า “SK” เป็นธุรกิจรับเหมาเฉพาะทางด้านผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสาไฟฟ้าและเสาเข็มคอนกรีตอัดแรง รวมถึงให้บริการรับเหมาก่อสร้างสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้า และงานรับเหมาก่อสร้างโยธา

ประกอบกับการที่กลุ่มบริษัทฯ มีประสบการณ์ในกลุ่มอุตสาหกรรม ยาวนานกว่า 30 ปี ทำให้ การันตีที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพความเชื่อมั่นของกลุ่มลูกค้า ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)

อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยดังกล่าวทำให้เห็นถึงศักยภาพ ความแข็งแกร่ง รวมถึงการเติบโต ของธุรกิจในอนาคต โดย “SK” ถูกจัดเป็นหุ้น Growth Stock ที่สร้างผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน ขณะเดียวกันยังเป็นหุ้น Dividend Stock ด้วยเช่นเดียวกัน ที่มีความโดดเด่นในเรื่องการจ่าย ปันผล โดยหากพิจารณาในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา “SK” มีความสามารถในการจ่ายปันผลไปแล้วกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่านโยบายปันผลของบริษัทฯ ที่จ่ายไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิทำให้เห็นได้ว่า “SK” เป็นหุ้นที่น่าจับตาอีกหนึ่งตัว ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ