กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานเกิดน้ำป่าไหลหลากใน พื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ พะเยา น่าน เลย ปราจีนบุรี จันทบุรี และวาตภัย 2 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2563 ถึงปัจจุบัน (13 ส.ค.63 เวลา 06.00 น.) ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก และวาตภัย ดังนี้
น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 5 จังหวัด รวม 8 อำเภอ 12 ตำบล 50 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 30 ครัวเรือน ได้แก่ ภาคเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่ พะเยา ในพื้นที่อำเภอเชียงคำ รวม 5 ตำบล 40 หมู่บ้าน น่าน ในพื้นที่อำเภอสองแคว และท่าวังผา รวม 2 ตำบล 4 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 2 หลัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 จังหวัด ได้แก่ เลย ในพื้นที่อำเภอด่านซ้าย รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 1 หลัง ภาคตะวันออก 2 จังหวัด ได้แก่ ปราจีนบุรี ในพื้นที่อำเภอนาดี และอำเภอประจันตคาม รวม 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 19 หลัง จันทบุรี ในพื้นที่อำเภอเมืองจันบทุรี และอำเภอขลุง รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 8 หลัง
วาตภัยในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอเวียงสระ รวม 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 3 หลัง นครศรีธรรมราช เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอขนอม รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ผู้เสียชีวิตจากสาเหตุเรือล่ม 2 ราย ปัจจุบันสถานการณ์ภัยคลี่คลายแล้ว
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้างหรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป