บลจ.ทิสโก้ชี้ ราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทางการแพทย์เพิ่มต่อเนื่อง รับความต้องการผู้บริโภคในช่วง COVID-19 ระบาด และระยะยาวยังเป็นเมกะเทรนด์ของโลก ปลื้มกองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล ดิจิตอล เฮลธ์ อิควิตี้สร้างผลตอบแทนย้อนหลังเด่นสุดในอุตสาหกรรมกองทุนเฮลธ์แคร์ของไทย
นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co., Ltd.) กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทางการแพทย์ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากความต้องการนวัตกรรมทางการแพทย์มาช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะในช่วงที่ COVID-19 แพร่ระบาด อีกทั้งหุ้นกลุ่มนี้ยังเป็นการผนวกกลุ่มธุรกิจ “เทคโนโลยี” และ “เฮลธ์แคร์” ซึ่งทั้งสองกลุ่มจัดว่าเป็นเมกะเทรนด์ของโลก ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงในระยะกลางถึงระยะยาวจากกระแสสังคมผู้สูงอายุทั่วโลกอีกด้วย
จากปัจจัยบวกข้างต้นส่งผลให้กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล ดิจิตอล เฮลธ์ อิควิตี้ (TGHDIGI) ความเสี่ยงระดับ 7 (เสี่ยงสูง) กองทุนรวมหุ้นที่ลงทุนในต่างประเทศ เน้นลงทุนในบริษัทที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการทางการแพทย์ (Digital Health) ทั่วโลก ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากจนมีผลตอบแทนย้อนหลังดีที่สุดในอุตสาหกรรมกองทุนรวมที่มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ของไทย นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือนและ 1 ปี (ที่มา: Morningstarthailand ข้อมูลวันที่ 13 สิงหาคม 2563)
โดยกองทุน TGHDIGI มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนถึงปัจจุบัน ตามข้อมูลของบลจ.ทิสโก้ ณ วันที่ 31 กรกฏาคม 2563 อยู่ที่ 22.01% 31.87% 40.29% ต่อปี และ 28.95% ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกันดัชนีชี้วัด (Benchmark) ของกองทุน ได้แก่ ค่าเฉลี่ยระหว่างผลการดำเนินงานของกองทุนรวมหลัก ปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อคำนวณผลตอบแทนให้อยู่ในรูปสกุลเงินบาท ณ วันที่คำนวณผลตอบแทน ในสัดส่วน 95% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1 ปี วงเงินน้อยกว่า 5 ล้านบาท เฉลี่ยของ 3 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ หลังหักภาษี ในสัดส่วน 5% มีผลตอบแทนย้อนหลังอยู่ที่ 19.36% 35.13% 46.68% ต่อปี และ 30.38% ต่อปีตามลำดับ
“ปัจจุบันบริษัทที่กองทุนหลักเข้าไปลงทุน 4 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท Teladoc ผู้พัฒนาแพลทฟอร์มให้คนไข้สามารถพบแพทย์ผ่านระบบออนไลน์ และรับใบสั่งยาจากแพทย์เพื่อนำไปซื้อยาต่อได้ทันที ซึ่งบริษัทนี้ได้รับปัจจัยบวกโดยตรงจากการที่นายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนาม Executive Order เพื่อสนับสนุนบริการแพทย์ ทางไกล หนุนให้ราคาหุ้นบริษัทดังกล่าวปรับขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่ไปเมื่อเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ กองทุนหลักยังเข้าไปลงทุนในบริษัท Bio Telemetry ผู้ผลิตอุปกรณ์แปะติดกับร่างกายเพื่อเก็บข้อมูลตรวจวัดหัวใจ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา บริษัท Medidata Solution บริษัทรับทำงานวิจัยให้กับบริษัทยาชั้นนำ และ บริษัท Dexcom ผู้ผลิตอุปกรณ์วัดน้ำตาลสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน รายงานผลแบบ Realtime บนหน้าจอมือถือ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ช่วยให้ผู้ป่วยควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น” นายสาห์รัชกล่าว
ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต กองทุน TGHDIGI ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก และอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ จึงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม ซึ่งปัจจุบันผู้จัดการกองทุนดำเนินการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินประมาณ 90% ผู้สนใจลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า
เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด หรือขอรับหนังสือชี้ชวนที่ บลจ.ทิสโก้, เว็บไซต์ www.tiscoasset.com, ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา และตัวแทนสนับสนุนการขายที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน หรือ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4 และ 02-080-6000 กด 4
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit