กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานเกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ภาคเหนือ 11 จังหวัด ได้แก่ น่าน แพร่ เชียงใหม่ ลำปาง พะเยา อุตรดิตถ์ ลำพูน แม่ฮ่องสอน สุโขทัย ตาก และพิษณุโลก ยังคงมีสถานการณ์ใน 2 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย และพิษณุโลก และเกิดวาตภัยในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น พร้อมจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันตอนบน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในช่วงวันที่ 20 สิงหาคม 2563 ถึงปัจจุบัน (28 ส.ค.63 เวลา 06.00 น.) ส่งผลให้เกิดน้ำไหลหลาก และวาตภัย แยกเป็น น้ำไหลหลากในพื้นที่ภาคเหนือ 11 จังหวัด รวม 50 อำเภอ 197 ตำบล 885 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 20,017 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 3 ราย ได้แก่ น่าน เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 11 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอเวียงสา อำเภอภูเพียง อำเภอสันติสุข อำเภอนาน้อย อำเภอท่าวังผา อำเภอแม่จริม อำเภอบ่อเกลือ อำเภอบ้านหลวง และอำเภอปัว รวม 54 ตำบล 319 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,082 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 1 ราย แพร่ เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองแพร่ อำเภอร้องกวาง อำเภอสูงเม่น อำเภอสอง อำเภอลอง อำเภอหนองม่วงไข่ อำเภอวังชิ้น และอำเภอเด่นชัย รวม 54 ตำบล 272 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,938 ครัวเรือน เชียงใหม่ เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่ออน และอำเภอเวียงแหง รวม 2 ตำบล 7 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10 ครัวเรือน ลำปาง เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปาน อำเภอเมืองลำปาง อำเภอแม่เมาะ อำเภอเถิน อำเภอแม่ทะ อำเภอเกาะคา อำเภอสบปราบ อำเภอเสริมงาม และอำเภอแจ้ห่ม รวม 21 ตำบล 49 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 11 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 2 ราย พะเยา เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่อำเภอเชียงม่วน รวม 2 ตำบล 6 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 124 ครัวเรือน อุตรดิตถ์ เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ อำเภอท่าปลา อำเภอพิชัย และอำเภอลับแล รวม 15 ตำบล 61 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,229 ครัวเรือน ลำพูน เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่อำเภอบ้านธิ รวม 1 ตำบล 5 หมู่บ้าน แม่ฮ่องสอน เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน อำเภอปางมะผ้า อำเภอแม่ลาน้อย อำเภอขุนยวม อำเภอปาย อำเภอแม่สะเรียง และอำเภอสบเมย รวม 16 ตำบล 38 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 530 ครัวเรือน สุโขทัย เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสุโขทัย อำเภอสวรรคโลก อำเภอศรีสำโรง และอำเภอศรีสัชนาลัย รวม 27 ตำบล 122 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,063 ครัวเรือน ตาก เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่สอด และอำเภอท่าสองยาง รวม 3 ตำบล 3 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 8 ครัวเรือน พิษณุโลก เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่อำเภอพรหมพิราม รวม 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 22 ครัวเรือน ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนใน 2 จังหวัด ได้แก่ พื้นที่อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก และตำบลปากพระ อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย คาดว่าหากไม่มีฝนตกเพิ่มเติมในพื้นที่ สถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 2-3 วัน นอกจากนี้ ยังเกิดวาตภัย ในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ และอำเภอกุฉินารายณ์ รวม 3 ตำบล 4 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 16 หลัง ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยขนย้ายสิ่งของไปไว้ในที่สูงและเร่งระบายน้ำท่วมขัง รวมถึงแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้างหรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป