SGP ส่งซิกครึ่งปีหลังฟอร์มสวย หนุนยอดขายทั้งปีโตตามเป้า 5% เล็งขยายธุรกิจผลิตถังก๊าซ LPG ภายหลังเข้าซื้อเงินลงทุนในหุ้น บริษัท ชื่นศิริ จำกัด หรือ Linh Gas
SGP แย้มครึ่งหลังปี 2563 ฟอร์มสวย รับไฮซีซันหนุน ประเมินปริมาณการขาย LPG ในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีนี้ จะเติบโตได้ดีกว่าไตรมาสก่อนส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการคลายล็อกดาวน์ประเทศ ทำให้คนสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้แล้ว สนับสนุนยอดขายโต 5% ได้ตามแผน พร้อมเดินหน้าขยายตลาดลูกค้าถังก๊าซ LPG ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายหลังซื้อเงินลงทุนในหุ้น บจ. ชื่นศิริ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตทั้งก๊าซ LPG ที่มีฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ เล็งสามารถลดต้นทุนการผลิตถังก๊าซ LPG ได้
นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 คาดว่าจะกลับมาเติบโตได้ดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยและต่างประเทศที่ผ่อนคลายลง โดยบริษัทฯ ยังคงเป้ายอดขายก๊าซ LPG ไว้ที่ 4 ล้านตัน หรือเติบโตขึ้นราว 5% จากปีก่อน ตามแผนที่วางไว้ ถึงแม้ว่าในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ปริมาณขายจะลดลงจากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลทำให้ความต้องการใช้แก๊สแอลพีจีชะลอตัวลงไป ทั้งนี้คาดว่าความต้องการใช้ภายในประเทศช่วงครึ่งปีหลังจะกลับมาจากมาตรการต่างๆที่ภาครัฐออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
"มองว่าปริมาณการขาย LPG ในช่วงไตรมาส 3/2563 จะเติบโตได้ดีกว่าจากไตรมาสก่อนส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการคลายล็อกดาวน์ประเทศทำให้คนสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้แล้ว ทำให้ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจร้านอาหาร เริ่มมียอดขายเพิ่มขึ้นและมีความต้องการใช้ก๊าซ LPG เพิ่มขึ้น อีกส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์การขายใหม่โดยทางบริษัทได้มีการนำเทคโนโลยี มาปรับใช้ ด้วยการนำเสนอ application ในการสั่งก๊าซ LPG โดยสามารถใช้ได้ทั้งมือถือระบบ IOS และ Android ทำให้มองว่าผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3 และ 4/2563 จะมีการปรับตัวที่ดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง และมั่นใจว่าเป้าหมายยอดขายโต 5% ยังมีโอกาสทำได้ตามแผน" นางจินตณา กล่าว
นอกจากนี้ในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา บริษัท สยาม ควอลิตี้ สตีล จำกัด (“SQS”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ บริษัทถือหุ้นร้อยละ 99.99 ของทุนชำระแล้ว ได้เข้าซื้อเงินลงทุนในหุ้น บริษัท ชื่นศิริ จำกัด (“Linh Gas”) ซึ่งเป็นผู้ผลิตถังก๊าซ LPG และมีลูกค้าทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ภายหลังการเข้าซื้อเงินลงทุนดังกล่าว ทำให้ บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถลดต้นทุนการผลิตถังก๊าซ LPG ได้จากการประหยัดของขนาด (economy of scale) และสามารถขยายตลาดไปยังต่างประเทศได้ จากฐานลูกค้าต่างประเทศเดิมของ Lihn Gas ทำให้เชื่อว่า การลงทุนใน Lihn Gas จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจผลิตถังก๊าซ LPG ของกลุ่มบริษัท
นอกจากนี้สยามแก๊สฯ ยังมีความมุ่งมั่นก้าวเป็นผู้นำด้านพลังงานครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการถือหุ้นในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนในประเทศเมียนมา และการร่วมมือกับกลุ่ม Mitsuuroko Holding ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งประกอบธุรกิจเป็นผู้จัดหาพลังงาน ผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวเนื่องรวมทั้งถ่านหิน ถ่านหินอัดแท่ง จนถึงผลิตภัณฑ์ทางปิโตรเลียม และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ในประเทศญี่ปุ่น
“ภายใน 3-4 ปีข้างหน้า มั่นใจว่ารายได้สามารถแตะที่ 1 แสนล้านบาท ได้อย่างแน่นอน จากกลยุทธ์แผนการดำเนินงานที่วางไว้ และการบริหารงานในลักษณะครอบครัว ทั้งลูกค้าและเพื่อนร่วมงานเหมือนอยู่ในครอบครัวเดียวกัน ซึ่งเขาก็ดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวสยามแก๊ส พนักงานทุกคนรวมถึงผู้บริหารต่างมุ่งมั่นตั้งใจทำงานเต็มร้อยเพื่อสร้างผลการดำเนินงานที่ดีและแบ่งปันให้ผู้ถือหุ้นของเรา” นางจินตณา กล่าว
ปัจจุบันสยามแก๊สฯ ดำเนินธุรกิจค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลวผ่านโรงบรรจุก๊าซแอลพีจีของบริษัทจำนวน 44 แห่ง และสถานีบริการก๊าซแอลพีจีของบริษัท 41 แห่ง และจำหน่ายผ่านตัวแทนของบริษัท 313 แห่ง โดยมีบริษัทย่อยในกลุ่มรวม 34 บริษัท ทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมรายได้ 2.79 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิ 0.487 พันล้านบาท ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 โดยมียอดจำหน่ายก๊าซแอลพีจีกว่า 1.62 ล้านตัน โดยสัดส่วนการจำหน่ายต่างประเทศมากกว่าอยู่ที่ร้อยละ 69 และในประเทศร้อยละ 31
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit