“ไมโครลิสซิ่ง” ผนึกกำลัง “เอเซีย พลัส” โรดโชว์กรุงเทพฯ เสนอขายไอพีโอ 235 ล้านหุ้น ปักธงเข้าเทรด SET ปีนี้

03 Sep 2020

ไมโครลิสซิ่ง หรือ MICRO จัดงานโรดโชว์พบนักลงทุน สรุปข้อมูลการเสนอขายหุ้นไอพีโอ 235 ล้านหุ้น โชว์ความแข็งแกร่งในธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง การันตีด้วยผลงานเติบโตต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2560-2562) คิดเป็นอัตราการเติบโตของรายได้ร้อยละ 24.4 และอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิ (CAGR) ที่สูงถึงร้อยละ 30.6 ต่อปี แสดงถึงความสามารถในการทำกำไรที่ดี งานนี้ จับมือเอเซียพลัสที่ปรึกษาทางการเงิน ตอกย้ำจุดเด่นของธุรกิจ สร้างความเชื่อมั่นก่อนเข้าจดทะเบียนใน SET ภายในปีนี้

“ไมโครลิสซิ่ง” ผนึกกำลัง “เอเซีย พลัส” โรดโชว์กรุงเทพฯ เสนอขายไอพีโอ 235 ล้านหุ้น ปักธงเข้าเทรด SET ปีนี้

นายวินิตย์ ปิยะเมธาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MICRO ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง และสินเชื่อประเภทอื่นที่มีรถบรรทุกมือสองเป็นหลักประกัน เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดงานสรุปข้อมูลการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่นักลงทุนและประชาชนทั่วไป (โรดโชว์) ที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร เพื่อแนะนำภาพรวมธุรกิจ และข้อมูลสำคัญสำหรับการลงทุน เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ก่อนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (ไอพีโอ) จำนวน 235 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25.13% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ โดยมี บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดย คาดว่าจะสามารถนำหุ้นของบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในปี 2563

ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของการระดมทุนของ MICRO คือ ใช้เป็นเงินทุนในการขยายธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ ชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมสถาบันการเงิน ลงทุนขยายอาคารสำนักงาน และลงทุนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยโครงสร้างผู้ถือหุ้น 3 ลำดับแรก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 ก่อนการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนกลุ่มครอบครัวคุณธรรมศักดิ์ อัชญาวัฒน์ ถือหุ้นร้อยละ 74.6 กลุ่มครอบครัวจิโรธนภาส ถือหุ้นร้อยละ 6 กลุ่มครอบครัวเติมคุนานนท์ ถือหุ้นร้อยละ 5 โดยภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่นักลงทุนและประชาชนทั่วไปสัดส่วนการถือหุ้นจะลดลงเหลือร้อยละ 55.8 4.5 และ 3.8 ตามลำดับ

สำหรับภาพรวมธุรกิจ MICRO เป็นหนึ่งในผู้นำในการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสองของประเทศ ด้วยประสบการณ์และความชำนาญในการดำเนินธุรกิจมาเป็นเวลากว่า 25 ปี ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง เช่น รถบรรทุก 6 ล้อ 10 ล้อ 12 ล้อ และรถพ่วงมือสอง สำหรับใช้ในการประกอบธุรกิจ นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการสินเชื่อรถเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ประเภทอื่น เช่น  รถหัวลาก และรถบรรทุกเฉพาะกิจต่างๆ เพื่อให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น บริษัทมุ่งเน้นให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสองเฉพาะรุ่นและยี่ห้อที่มีตลาดซื้อขายรองรับ เช่น อีซูซุ (ISUZU) ฮีโน่ (HINO) และฟูโซ่ (FUSO) เป็นต้น โดยมีระยะของสัญญาเช่าซื้อระหว่าง 12 – 60 เดือน มีอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อ (Flat Rate) อยู่ระหว่าง 8-15% ต่อปี

โดยธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสองถือเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 95 ของยอดจัดสินเชื่อทั้งหมดในแต่ละปี รถบรรทุกที่เช่าซื้อส่วนใหญ่เป็นรถที่ใช้ในการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ จึงสามารถสร้างรายได้เพื่อนำเงินมาชำระเงินต้นและดอกเบี้ยตามสัญญาได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการทางการเงินหรือสินเชื่อในรูปแบบอื่นๆ เพื่อตอบสนองความต้องการทางการเงินของลูกค้า เช่น สินเชื่อเพิ่มสภาพคล่อง ซึ่งเป็นสินเชื่อที่มีทะเบียนรถบรรทุกแบบโอนเล่มเป็นหลักประกัน เพื่อต่อยอดจากการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อ และสินเชื่อรีไฟแนนซ์ (Refinance) สำหรับลูกค้าปัจจุบันที่มีประวัติการผ่อนชำระดี ที่มีความต้องการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน บริษัทยังให้บริการอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเช่าซื้อซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท เช่น การประสานงานเพื่อต่ออายุประกันภัยและ พรบ. (การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ) เป็นต้น

บริษัทจัดหาลูกค้าผ่านเครือข่ายผู้ประกอบการเต็นท์รถบรรทุกมือสองเป็นหลักซึ่งมีเครือข่ายรวมกว่า 350 ราย และเครือข่ายนายหน้าจัดหาลูกค้าอีกกว่า 90 ราย นอกจากนี้ ลูกค้าสามารถติดต่อขอรับบริการสินเชื่อได้ที่สำนักงานสาขาของบริษัท ซึ่งในปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 12 สาขา ในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ

ปัจจุบัน MICRO มีทุนจดทะเบียนจำนวน 935 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 935 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1.00 บาทต่อหุ้น มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 700 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 700 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชน ทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้นเป็น 935 ล้านบาท นโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้และหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามกฎหมายกำหนด

นายเล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยถึง การนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุน (โรดโชว์) ในครั้งนี้ เพื่อให้นักลงทุนมีความเข้าใจในธุรกิจ เห็นถึงศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯ ที่มีความแข็งแกร่ง และโอกาสการเติบโตในอนาคต

โดยจุดแข็งของ MICRO เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสองรายใหญ่ของประเทศ พอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อของบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง มีเครือข่ายผู้ประกอบการเต็นท์รถบรรทุกมือสอง และนายหน้าจากทั่วประเทศรวมเกือบ 450 ราย มีทีมบุคลากรที่มีความแข็งแกร่ง มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจ ทั้งด้านการตลาด การวิเคราะห์สินเชื่อ การตรวจสอบสภาพการใช้งานรถบรรทุกมือสอง รวมถึงการติดตามเร่งรัดหนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญในธุรกิจสินเชื่อรถบรรทุกมือสอง และด้วยระบบการตรวจสอบสินเชื่อที่เป็นมาตรฐานเดียวกับผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรายใหญ่อื่นๆ มีระบบการติดตามหนี้ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยส่งเสริมให้สัดส่วนลูกหนี้ NPL ลดลงอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการกระจายพอร์ตสินเชื่อที่หลากหลายรองรับการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ

อีกทั้ง ธุรกิจของ MICRO เป็นธุรกิจที่การแข่งขันไม่รุนแรง อุตสาหกรรมเติบโตแม้ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยรับสูง มีการครอบคลุมความเสี่ยงและค่าใช้จ่าย มีรายได้และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง และความสามารถในการทำกำไรที่ดี

โครงสร้างรายได้ของบริษัทฯ รายได้หลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยรับตามสัญญาเช่าซื้อร้อยละ 84 รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการต่างๆ จากการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อ ร้อยละ 14 และรายได้อื่นๆ ร้อยละ 2  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะนำเสนอบริการเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ส่งผลให้ได้รับความไว้วางใจทั้งจากลูกค้าผู้ประกอบการเพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับผลประกอบการของกลุ่มบริษัทฯ มีการเติบโตต่อเนื่อง  

โดยบริษัทมีรายได้รวมในปี 2560 – 2562 จำนวน 227.0 ล้านบาท 258.6 ล้านบาท และ 330.2 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตของรายได้ (Compound Annual Growth Rate: CAGR) ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเท่ากับร้อยละ 24.4 ต่อปี รายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นรายได้ดอกเบี้ยรับจากสัญญาเช่าซื้อ ซึ่งเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อของบริษัท จากการที่บริษัทมุ่งเน้นดูแลรักษาฐานลูกค้าเดิมรวมถึงการขยายฐานลูกค้าใหม่ผ่านการเพิ่มจำนวนสาขาและพนักงานสินเชื่อ ประกอบกับการขยายเครือข่ายผู้ประกอบการเต็นท์รถบรรทุกมือสองซึ่งเป็นช่องทางการจัดหาลูกค้าที่สำคัญของบริษัท  และในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 และ 2563 จำนวน 147.7 ล้านบาท และ 202.5 ล้านบาท ตามลำดับ

กำไรสุทธิของบริษัทสำหรับปี 2560 – 2562 มีจำนวน 60.8 ล้านบาท 89.9 ล้านบาท และ 110.8 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 26.8 ร้อยละ 34.8 และร้อยละ 33.5 ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิ (CAGR) ที่สูงถึงร้อยละ 30.6 ต่อปี ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการทำกำไรของบริษัท และในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 – 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 41.1 ล้านบาท และ 62.5 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 27.8 และร้อยละ 30.8 ตามลำดับ กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับรายได้ดอกเบี้ยเช่าซื้อที่เพิ่มขึ้น

ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 บริษัทมีบัญชีลูกหนี้จำนวนทั้งสิ้น 3,701 สัญญา และมียอดลูกหนี้เช่าซื้อคงเหลือ (ก่อนหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ) จำนวน 1,852.7 ล้านบาท ยอดจัดสินเชื่อตามภูมิภาคในพื้นที่ให้บริการหลักที่ภาคกลาง สัดส่วนกว่า 53% รองลงมาคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกว่า 21% และมีสัดส่วนหลักประกันเป็นรถ 10 ล้อ / 12 ล้อ สัดส่วนสูงสุดของพอร์ตราว 45%