นายทักษิณ ตันติไพจิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (FTE) ผู้นำธุรกิจนำเข้าและจำหน่าย บริการออกแบบ รับเหมาติดตั้ง ซ่อมแซม ตรวจสอบอุปกรณ์-ระบบดับเพลิงครบวงจร เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินงานช่วงไตรมาส 4/63 บริษัทมุ่งเน้นการรับงานกลุ่มศูนย์ข้อมูลสารสนเทศ (Data Center) ที่มีแนวโน้มขยายตัวตามความต้องการใช้งาน และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสารในยุค 5G รวมถึงปริมาณการใช้ข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้นบนโลกออนไลน์
ล่าสุด บริษัทร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงกับ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (Delta) แต่งตั้ง FTE เป็น Premiere Partner ในกลุ่มสินค้าเครื่องสำรองไฟฟ้า (Uninterruptable Power System) และศูนย์ข้อมูลดิจิตอล (Data Center) ซึ่งการร่วมมือกันในครั้งนี้ เป็นการเสริมประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ อีกทั้งเป็นการตอบสนองความต้องการในกลุ่มดังกล่าวโดยเฉพาะ นอกจากนี้ บริษัทยังรับบุคลากรที่มีความเชียวชาญในดังกล่าวเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต โดยตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตประมาณ 5% หรือประมาณ 70 ล้านภายใน 3 ปี
"แนวโน้มการเติบโตของการใช้ข้อมูลจะเติบโตอย่างมหาศาล ไม่ใช่แค่ในภาคการอุปโภคบริโภค แต่ในภาคการผลิตก็เช่นกัน เครื่องจักรทุกชนิดจะติดตั้งอุปกรณ์ IOT ทำให้ความจำเป็นของ Critical Equipment อย่าง UPS และ Data Center เป็นสิ่งที่เข้ามาสู่ตลาดแน่นอน นอกจากนี้ การเพิ่มสินค้าใหม่ ทำให้บริษัทมีสินค้าที่หลากหลาย สามารถครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า เพิ่มโอกาสในการรับงานและการแข่งขัน รวมถึงเป็นการกระจายที่มาของรายได้" นายทักษิณกล่าว
ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ณ สิ้นเดือนกันยายน 63 อยู่ที่ 460 ล้านบาท แบ่งเป็นงานจัดจำหน่าย 100 ล้านบาท งานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิง 360 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้จำนวนประมาณ 150 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการยื่นประมูลงานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงเพิ่มเติมอีกหลายโครงการ มูลค่ารวมประมาณ 200 ล้านบาท โดยบริษัทเชื่อว่าจะสามารถรักษาการเติบโตของรายได้ให้ใกล้เคียงกับปีก่อน และรักษาอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 8-10%
สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 666.25 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 751.03 ล้านบาท จำนวน 84.78 ล้านบาท หรือลดลง 11.29% และมีกำไรสุทธิ 39.36 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 78.18 ล้านบาท จำนวน 38.82 ล้านบาท หรือลดลง 49.65%
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2563 มีรายได้รวม 222.80 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 251.49 ล้านบาท จำนวน 28.69 ล้านบาท หรือลดลง 11.41% และมีกำไรสุทธิ 12.87 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 24.15 ล้านบาท จำนวน 11.28 ล้านบาท หรือลดลง 46.71% ทั้งนี้ ผลประกอบการปรับตัวลดลง เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ส่งผลให้รายได้จากการขายลดลง
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการรับรู้รายได้จากการให้บริการตรวจสอบและซ่อมบำรุงอุปกรณ์ระบบดับเพลิงและระบบที่เกี่ยวข้องกับการดับเพลิง โดยไตรมาส 3/63 มีรายได้จากงานโครงการและบริการ 79.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 70.44 ล้านบาท และงวด 9 เดือน มีรายได้จากงานโครงการและบริการ 235.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 230.66 ล้านบาท
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit