"ตลาดยิ่งเจริญ" ขับเคลื่อนนโยบาย Y Together สู่ "สังคมไร้เงินสด" New Normal รับการค้าคนยุคใหม่

09 Dec 2020

ตลาดยิ่งเจริญ เผยแผนปี 2564 ขับเคลื่อนตามนโยบาย Y Together มุ่งสู่ "Cashless society "สังคมไร้เงินสด" วิถีการค้ายุคใหม่ New Normal ช่วยลดความเสี่ยงติดต่อโรค และขยายฐานรองรับ ลูกค้ากลุ่มใหม่รองรับรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว (เหนือ) จัดแคมเปญต้อนรับลูกค้า 10,000 คนแรก ที่สัญจรด้วยรถไฟฟ้า BTS และลง ณ สถานีสะพานใหม่ (N20) ฝั่งตลาดยิ่งเจริญ รับทันทีถุงรักษ์โลก N20 เพียงร่วมเป็นครอบครัวตลาดผ่าน Line OA พร้อมต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ด้วยสินค้าที่หลากหลาย จัดชุดสินค้าของขวัญปีใหม่ที่คัดสรร ตอบโจทย์ความปรารถนาดีจากผู้ให้สู่ผู้รับ อาทิ ชุดของขวัญพิเศษสำหรับครอบครัว ชุดผ่อนคลายสุขภาพ ชุดของขวัญสำหรับคนที่คุณห่วงใย ชุดของขวัญต้านโควิด-19 ชุดของขวัญยิ่งสุข ฯลฯ เปิดพรีออเดอร์ชุดกระเช้าแล้วตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 9 มกราคม 2564

"ตลาดยิ่งเจริญ" ขับเคลื่อนนโยบาย Y Together สู่ "สังคมไร้เงินสด" New Normal รับการค้าคนยุคใหม่

นางสาวณฤมล ธรรมวัฒนะ ประธานกรรมการบริหารตลาดยิ่งเจริญ กล่าวว่า ตลาดยิ่งเจริญกำลังก้าวสู่ปีที่ 66 โดยในปี 2564 เดินหน้าตามนโยบาย "Y Together" มุ่งมั่นสู่ "Cashless society : สังคมไร้เงินสด" สร้างช่องทางใหม่ของการซื้อ-ขายสินค้า และการใช้บริการ เป็นการดำเนินธุรกรรมสืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 เป็นต้นมา ตลาดยิ่งเจริญได้ตระหนักถึงความปลอดภัยของผู้ค้าและผู้ซื้อที่มาจับจ่ายใช้สอย และมีจุดมุ่งหมาย "เพื่อรักษาแหล่งอาหาร และวัตถุดิบให้ประชาชน" โดยเริ่มตั้งแต่การรณรงค์ และบังคับใช้อย่างเคร่งครัด จริงจัง และต่อเนื่อง ภายใต้ "มาตรการยิ่งเจริญ ป้องกัน ไม่รับ ไม่แพร่ พิชิตไวรัส Covid-19"

และมองต่อว่าการพัฒนาตลาด ยังคงขับเคลื่อนตามนโยบาย Y Together กล่าวคือการพัฒนาองค์กรไปด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ "ผู้ค้า" ดังนั้นการสร้างแคมเปญในปีที่ 2564 นี้มีความมุ่งมั่นสร้างการค้ารูปแบบใหม่ด้วย "Cashless society สังคมไร้เงินสด" ถือเป็นการลดเสี่ยงหลายประการ เพียงแค่สแกนแล้วจ่าย โดยจะเริ่มในปีหน้าประมาณไตรมาสที่ 1 ทางตลาดยิ่งเจริญจะร่วมมือกับสถาบันการเงิน และบริษัทชั้นนำ จัดทำ MOU ร่วมกัน ได้แก่ ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย เดินหน้าสร้างสังคมไร้เงินสด กำหนดให้ผู้ค้า และรณรงค์ผู้ซื้อ ให้โหลดแอปพลิเคชั่นเป๋าตังค์ แล้วจัดทำ QR Code ติดหน้าร้านให้สามารถจ่ายเงินผ่านแอป ฯ ได้ทันที ถือเป็นการรองรับทุกการใช้จ่ายจากทุกธนาคาร

รวมทั้งการเพิ่มระบบทางเลือกการซื้อ-ขายที่สะดวกซึ่งอาจมีสิทธิประโยชน์เพิ่ม ด้วยการนำระบบ "E-Wallet" คือกระเป๋าเงินออนไลน์ เริ่มต้นเป็นความร่วมมือกับ ไมโครเพย์ อี-วอลเล็ท ธนาคารไทยเครดิต ภายใต้ MOU "ปีใหม่นี้ มีแต่ได้" เบื้องต้นระยะแรกตั้งแต่ ธันวาคม 2563 ถึง มกราคม 2564 และมีแนวคิดพัฒนาความร่วมมือกับ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น เพื่อนำการใช้จ่ายในศูนย์อาหารของตลาด ผ่านทรูวอลเล็ท ซึ่งทั้งนี้ทางตลาด มีแนวคิดเปิดกว้างต้อนรับพันธมิตรที่จะพัฒนาและขับเคลื่อนนโยบายร่วมกันในอนาคต โดยสังคมไร้เงินสดจะส่งผลให้เกิดประโยชน์ความปลอดภัยอย่างน้อยด้วย 6 ประการคือ 1. ไม่เสี่ยงรับเชื้อโรค 2. ไม่เจอเงินปลอม 3. ไม่กังวลเงินทอน 4. ไม่เสี่ยงเงินหาย 5. ไม่ถูกโจรกรรม และ 6. ไม่ถูกโกง

ทั้งนี้เพื่อให้สอดรับกับการเปิดให้บริการทั้งสายของรถไฟฟ้าบีทีเอส (สายสีเขียวเหนือ) สถานี "สะพานใหม่ (N20)" ภายในเดือนธันวาคมนี้ ส่งผลให้มีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายและเป็นกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ จะเดินทางมาจับจ่ายที่ตลาดยิ่งเจริญมากขึ้น และปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยนไปตลาดจากเดิม และการนำนโยบาย "Cashless society" สังคมไร้เงินสด" เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มขึ้นและมีการใช้งานเพิ่มขึ้น โดยพบว่ากลุ่มคนไทยที่ทำธุรกรรมทางการเงินอิเล็กทรอนิกส์มากที่สุดคือกลุ่มคน Gen Y และ Gen X ทั้งการสั่งซื้อของออนไลน์ การโอนเงิน การจ่ายค่าอาหารหรือใช้จ่ายตามร้านค้าและห้างสรรพสินค้าด้วย

ทางตลาดยิ่งเจริญได้จัดแคมเปญ ฉลองการเปิดให้บริการสถานี "สะพานใหม่ (N20)" และต้อนรับลูกค้าผู้มีอุปการะคุณ จำนวน 10,000 คนแรก ที่สัญจรด้วยรถไฟฟ้า BTS และลง ณ สถานีสะพานใหม่ (N20) ฝั่งตลาดยิ่งเจริญ รับทันที ถุงรักษ์โลก N20 เพียงร่วมเป็นสมาชิกกับตลาดยิ่งเจริญ ทาง Line OA (Line Official Account) คาดว่าจะได้กลุ่มสมาชิกลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามาจำนวนมาก

"ทั้งหมดนี้เป็นนโยบายสานต่อจากปี 2563 แบบต่อเนื่อง เรียกว่า "Y Together" มีองค์ประกอบ 4 มิติสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาองค์กรรอบด้าน การศึกษา สิ่งแวดล้อม และการแบ่งปัน เพื่อการพัฒนาตลาดยิ่งเจริญให้เกิดการยอมรับจากทั้งผู้ค้า องค์กรธุรกิจ ชุมชน และประชาชนทั่วไป ให้เป็นตลาดสดมาตรฐานของประเทศไทย โดยเน้นการพัฒนาตลาดสู่การเป็น Green Market ตลาดยิ่งเจริญยังคงมุ่งการบริหารแบบมีส่วนร่วม และก้าวเดินไปด้วยกันอย่างยั่งยืนและมั่นคงไปพร้อมๆ กับกลุ่มของคู่ค้า ลูกค้า พันธมิตร และชุมชน เน้นการพัฒนาศักยภาพและทักษะการเรียนรู้ของกลุ่มพันธมิตรในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างสร้างสรรค์ โดยที่ผ่านมาจากการดำเนินนโยบาย "Y Together" มีผลตอบรับจากสังคม ผู้ค้า และชุมชนเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ตามวิสัยทัศน์ "ศูนย์กลางการค้าต้นแบบ ยกระดับมาตรฐานสากล สุดยอดแหล่งอาหารสุขภาวะสังคม"

นางสาวณฤมล กล่าวต่อว่าในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ตลาดยิ่งเจริญได้จัดเทศกาลสินค้าของขวัญจากสินค้าของผู้ค้าของตลาดยิ่งเจริญ โดยได้รับการปรับโฉม รูปแบบ บรรจุภัณฑ์จากทีมงานเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มที่มาพร้อมกับความสวยงาม สามารถเลือกซื้อเป็นของขวัญ ของที่ระลึกในราคาพิเศษ มอบแด่คนพิเศษ ที่พร้อมส่งตรงถึงทุกครอบครัว โดยมีชุดของขวัญให้เลือกหลากหลาย อาทิ ชุดของขวัญพิเศษสำหรับครอบครัว, ชุดผ่อนคลายสุขภาพ, ชุดของขวัญสำหรับคนที่คุณห่วงใย ,ชุดของขวัญต้านโควิด ,ชุดของขวัญยิ่งสุข, ชุดน้ำผึ้ง ชุดชาสุขภาพ ,ชุดสุขใจ-สบายใจและชุดตะกร้าหวายพื้นเมือง จัดโปรโมชั่นซื้อครบ 3,000-5,000 บาท รับส่วนลด 150 บาท ซื้อครบ 5,001- 7,000 บาทรับส่วนลด 350 บาท ซื้อครบ 7,001-10,000 บาทรับส่วนลด 500 บาท สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสั่งพรีออเดอร์สินค้าได้เพื่อความสะดวกและได้รับสินค้าในเวลาที่แน่นอนเนื่องจากช่วงเทศกาลปีใหม่จะมีลูกค้ารอจับจ่ายซื้อของเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าสมาชิก Y CARD ซื้อสินค้าในร้านยิ่งสุข ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2563 - 31 มกราคม 2564 จะได้รับของสมนาคุณอาทิ กระบอกน้ำ , ชุดพกพา , ชุดกล่องข้าว อีกด้วย สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสั่งได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 9 ม.ค. 2564 ผ่านช่องทาง www.songsod.com / Fb:songsoddelivery ,แอปพลิเคชั่น Line:@songsod

ข้อมูลตลาดยิ่งเจริญ
ในปัจจุบันตลาดยิ่งเจริญตั้งอยู่บนที่ดินกว่า 30 ไร่ มีจำนวนร้านค้าประมาณ 1500 ร้าน แบ่งเป็นโซนต่างๆเพื่อความสะดวกในการซื้อสินค้าครบทุกประเภท นอกจากนี้ยังมีโซนต่างๆ เปิดให้บริการอีก เช่น โซนตลาดนัดคนกันเอง ตลาดนัดคลองถม 2 ลานโปรโมชั่น ยิ่งเจริญพลาซ่า ศูนย์อาหารให้บริการ 24 ชั่วโมง และโรงเรียนการเรือนยิ่งเจริญ เป็นต้น ตลาดยิ่งเจริญถือเป็นตลาดค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร มีคนเข้ามาจับจ่ายซื้อของในตลาดสดจำนวนประมาณ 20,000 คน ต่อวัน โดยพบว่ามีรถเข้ามาใช้บริการราว 7,000 - 8,000 คัน ในวันปกติ และในเทศกาลสำคัญไม่ต่ำกว่า 10,000 คัน ต่อวัน แบ่งสินค้าออกเป็น 15 กลุ่ม ได้แก่ 1.เนื้อสัตว์ 2.ปลา และของทะเล 3.ผัก 4.สินค้าชำ 5.อาหารแปรรูป 6.อาหารสำเร็จรูป 7.เครื่องดื่ม 8.สินค้าทานเล่น ขนม 9.ผลไม้ 10.ดอกไม้ 11.เครื่องแต่งกาย 12.อุปกรณ์เครื่องใช้ 13.อุปกรณ์ไอที 14.บริการ 15. อื่นๆ