ถึงแม้เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวเนื่องจากวิกฤติโควิด-19 เฮงเค็ล ประเทศไทย ยังคงมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในประเทศไทย ที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายแอนเดรียนโต้ จายาเปอร์นา ประธาน บริษัท เฮงเค็ล ประเทศไทย กล่าวว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจากวิกฤติโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อความต้องการโดยรวมในไทย ในทางกลับกัน ประเทศไทย มีตลาดผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่และชนชั้นกลางที่มีการเติบโต ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในหลากหลายตลาด ได้แก่ การขนส่ง ความงาม อิเล็กทรอนิกส์ อาหารและเครื่องดื่ม และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
“เราเห็นสัญญาณเริ่มฟื้นตัว แต่สถานการณ์โดยรวมยังคงมีความไม่แน่นอนและผันผวน สิ่งสำคัญในระดับต้นๆ ของเรา คือสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน การจัดการวิกฤตนี้ และการให้ความสนับสนุนอย่างต่อเนื่องทางธุรกิจของลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของเรา” เขา กล่าว
สำหรับตลาดความงามสำหรับเส้นผม เฮงเค็ล มองเห็นศักยภาพสูงสุดสำหรับผลิตภัณฑ์ประเภทสีผม โดยเฉพาะสีผมแฟชั่นแฟนซี ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่น ความต้องการด้านสีผมยังมาจากกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มใหม่ เช่น กลุ่มคนเพิ่งเริ่มทำงานทั้งผู้หญิงและผู้ชาย อีกเทรนด์หนึ่งคือความสนใจในความงามของเส้นผมแบบองค์รวมที่เร่งให้เกิดความต้องการทั้งการบริการในร้านทำผมมืออาชีพพร้อมไปกับการดูแลบำรุงเส้นผมและการจัดแต่งทรงผมได้เองที่บ้าน
แอนเดรียนโต้ อธิบายถึง เทรนด์ใหม่ในธุรกิจเทคโนโลยีกาว ว่า “เมกะเทรนด์ คือการพัฒนาเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานไร้สาย 5G รุ่นต่อไป โดยเฮงเค็ล มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและเป็นที่ยอมรับในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้สำหรับผู้นำด้านโทรคมนาคมและดาต้าคอมชั้นนำ วัสดุของเรา ถูกนำไปใช้โดยบริษัทเหล่านี้ เพื่อการผลิตและปกป้องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิภาพสูง มีความน่าเชื่อถือสูง และมีส่วนสำคัญในโซลูชันเครือข่ายสำหรับบ้านอัจฉริยะและเมืองอัจฉริยะ”
นอกจากนี้ ยอดขายดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซ คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคและธุรกิจหันมาใช้ระบบดิจิทัลมากขึ้น ที่ผ่านมา เฮงเค็ล ได้ส่งเสริม e-Shop ของตนเองและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าสามารถทำธุรกิจกับบริษัทได้อย่างง่ายดาย
แอนเดรียนโต้ กล่าวว่า “สำหรับธุรกิจบิวตี้แคร์ในประเทศไทย ในขณะที่เราได้รับยอดขายส่วนใหญ่จากช่องทางดั้งเดิม แต่ส่วนแบ่งการขายออนไลน์ของเราก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับธุรกิจค้าปลีกเรามีร้านค้าปลีก Schwarzkopf ของเราเองใน Lazada, Shopee และ JD central เราได้สร้างช่องทางดั้งเดิมและออนไลน์เพื่อเสริมซึ่งกันและกันและมอบประสบการณ์ความงามที่มีคุณภาพให้กับผู้บริโภคของเรา”
แอนเดรียนโต้ ยืนยันว่า เฮงเค็ล ประเทศไทย จะยังคงดำเนินมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มงวดและเป็นไปตามกฎระเบียบของรัฐบาลและหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ก่อนที่จะมีการแพร่ระบาด เฮงเค็ล ประเทศไทย ได้จัดตั้งทีมบริหารวิกฤต ที่ให้ความเป็นผู้นำที่ชัดเจนและคำแนะนำที่ทันท่วงทีแก่พนักงานของเราทุกคน ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ เราต้องการให้พนักงานของเรารับรู้ มีความพร้อมและอยู่ในความสงบ
ทั้งนี้ พนักงานของเฮงเค็ล ประเทศไทย สามารถใช้ระบบการทำงานดิจิทัลของบริษัท เพื่อทำงานจากระยะไกล ติดต่อสื่อสารกับทีมแบบเสมือนจริง เข้าร่วมการประชุมและการฝึกอบรมแบบออนไลน์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทสนับสนุนให้พนักงานทุกคนมีความคิดในเชิงบวกและพัฒนาทักษะตัวเองต่อไปผ่านแพลตฟอร์มการเรียนรู้ดิจิทัล
แอนเดรียนโต้ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ช่วงวิกฤติโควิด-19 ในประเทศไทย โรงงานทั้งหมดยังดำเนินการตามปกติ ทีมธุรกิจของเรายังให้บริการลูกค้าและผู้บริโภคของเราผ่านเครื่องมือเสมือนจริงต่างๆ”
สำหรับพนักงานที่ทยอยกลับเข้ามาทำงาน เป็นเฟสๆ นั้น เฮงเค็ล ประเทศไทย ได้ให้อุปกรณ์ในการดูแลตนเอง ได้แก่ หน้ากากอนามัย น้ำยาล้างมือฆ่าเชื้อ และฟองน้ำล้างจาน ถุงมือและแว่นครอบตา ในทุกสถานปฏิบัติงานของบริษัท จะยังคงหลักเกณฑ์ด้านสุขภาพและสุขอนามัยต่างๆ ได้แก่ การคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิ การสวมหน้ากากอนามัย การแบ่งทีมปฏิบัติงาน การเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างน้อย 1.5 เมตรระหว่างเพื่อนร่วมงาน และมาตรการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อที่เคร่งครัด การตรวจสุขภาพประจำปีสำหรับพนักงานได้จัดขึ้นภายในสำนักงานเพื่อที่พนักงานจะไม่ต้องไปโรงพยาบาล
“เฮงเค็ล ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาเกือบ 50 ปี และเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจของเราต่อไปโดยมุ่งเน้นที่การเติบโตอย่างมีเป้าหมาย ซึ่งหมายถึงการสร้างคุณค่าให้ลูกค้าและผู้บริโภค การเร่งพัฒนาเพื่อความยั่งยืน การพัฒนาทักษะและความสามารถของพนักงานของเรา และการสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนท้องถิ่นในฐานะพลเมืองขององค์กรที่มีความรับผิดชอบ” แอนเดรียนโต้ กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit