ความร้อนแรงของบิทคอยน์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ความเชื่อที่ว่า บิทคอยน์นั้นเป็นแค่กระแสเอาไว้ปั่นราคา ได้กลายเป็นความคิดที่ล้าสมัยไปเสียแล้ว และดูเหมือนว่าบิทคอยน์กำลังเข้าสู่การเป็น Mass Adoption และมีความต้องการมากขึ้นในฐานะของสินทรัพย์ที่มีคุณสมบัติการเป็น Store of Value
สัญญาณที่เห็นได้ชัดก็คือ บริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยี และนักลงทุนระดับสถาบันต่างก็เลือกกระจายความเสี่ยงจากการถือครองเงินสดจำนวนมาก ไปลงทุนในบิทคอยน์ ซึ่งมองว่าเป็น Asset Class ที่น่าลงทุน เป็นกลุ่มสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องที่มากกว่าสินทรัพย์ชนิดอื่น ๆ
MicroStrategy และ Square เจ้าของ twitter บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯได้ลงทุนในบิทคอยน์เพื่อเป็นทุนสำรองมูลค่ารวมกันเกือบ 500 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ PayPal ก็เพิ่งเปิดตัวฟีเจอร์รองรับการซื้อ-ขาย และวอลเลตจัดเก็บบิทคอยน์ไป และล่าสุดบริษัท Mode Global Holdings PLC บริษัทฟินเทคที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (LSE) ได้นำเงินทุนสำรองของบริษัทจำนวน 10% ไปซื้อบิทคอยน์ เพื่อลดความเสี่ยงของการด้อยค่าของเงินปอนด์ในระยะยาว
การเข้ามาของบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ โดยเฉพาะ PayPal ที่มีฐานลูกค้ากว่า 300 ล้านรายทั่วโลก จะทำให้เกิดการเข้าถึง และยอมรับคริปโทเคอเรนซี่ในสาธารณะรวดเร็วมากขึ้น และจะเป็นการกดดันให้สถาบันการเงิน และธนาคารเข้าสู่ตลาดคริปโทเคอเรนซี่ ตามกระแสความต้องการของโลก
ขณะเดียวกันการเข้าลงทุนในบิทคอยน์ของบริษัทเทคฯระดับโลกนี้ ยังเป็นเพียงแค่ในกลุ่ม Early Adopter ประมาณ 1% จะช่วยจุดประกายให้นักลงทุนรวมไปถึงบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีก 99% มองเห็นโอกาสและเกิดความเชื่อมั่น เกิดความต้องการลงทุนบิทคอยน์เพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งนั่นจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บิทคอยน์เปลี่ยนผ่านไปเป็นสินทรัพย์สำคัญที่น่าลงทุนไม่ต่างจากทองหรือสินทรัพย์อื่น ๆ
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit