เป็นกรดไหลย้อนเรื้อรังเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหารได้ด้วย

02 Nov 2020

เชื่อว่าทุกท่านคงเคยเจอคนรอบตัว (รวมถึงอาจเป็นตัวท่านเอง) ป่วยเป็นโรคกรดไหลย้อนกันบ้างไม่มากก็น้อย

เป็นกรดไหลย้อนเรื้อรังเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหารได้ด้วย

สาเหตุหลักๆ ของโรคส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกต้อง เช่น ทานอาหารเสร็จแล้วนอนทันที ทานอาหารมันๆ หรือทานอาหารเยอะเกินไป นอกจากนี้ น้ำหนักตัวที่มากเกินไป (อ้วน) ความเครียด สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือทานน้ำอัดลมบ่อยๆ ก็เป็นปัจจัยเสริมที่มีส่วนทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้ทั้งสิ้น

แท้จริงแล้ว กรดไหลย้อนคือน้ำย่อยของกระเพาะอาหารที่ไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหารนี่แหละ บางครั้งก็เกิดจากความผิดปกติของหูรูดหลอดอาหารส่วนปลาย หรือบางครั้งเกิดจากความผิดปกติของการบีบตัวของกระเพาะอาหารร่วมด้วย กรดจากกระเพาะอาหารจึงไหลย้อนขึ้นมาสู่หลอดอาหารได้มากขึ้นนั่นเอง

สำหรับคนที่อาการไม่รุนแรงหรือไม่กำเริบบ่อยๆ กรดไหลย้อนอาจเพียงสร้างความรำคาญและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันเท่านั้น เช่น ในหนึ่งสัปดาห์จะเป็นครั้งนึง ก็ถือว่าไม่ได้รบกวนการใช้ชีวิตมากนัก

แต่กรดไหลย้อนหากเป็นบ่อยๆ แล้วปล่อยไว้นานจนเรื้อรัง อาจส่งผลให้หลอดอาหารมีแผล หรือหลอดอาหารตีบ ทำให้บางคนกลืนอาหารลำบาก บ้างก็กลืนแล้วชอบติด หรือบางคนร้ายแรงถึงขั้นเป็นมะเร็งที่หลอดอาหารเลยก็เคยมีเคสแบบนี้ เพราะหลอดอาหารส่วนปลายมีการสัมผัสกับกรดมากเกินไป ทำให้เซลล์เกิดการเปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นมะเร็งได้ในที่สุด

วิธีป้องกันรักษาโรคกรดไหลย้อนที่ได้ผลมากที่สุด คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน เพื่อลดการกำเริบของโรคซ้ำๆ ต้องควบคุมทั้งเรื่องปริมาณและชนิดของอาหาร หลีกเลี่ยงการทานอาหารรสเปรี้ยว เผ็ด อาหารหมักดอง อาหารมัน ชา กาแฟ น้ำอัดลม ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วนเกินไปและห้ามนอนทันทีหลังทานอาหารเสร็จ หลังทานข้าวควรรอให้อาหารย่อยก่อนอย่างน้อย 3 ชั่วโมงขึ้นไป ดังนั้นการกินบุฟเฟ่ต์มื้อเย็นจึงทำให้คนเสี่ยงเป็นกรดไหลย้อนได้บ่อยมาก เพราะกว่าจะทานเสร็จ บางทีกลับถึงบ้านแล้วก็นอนเลยโดยอาหารไม่ทันจะย่อยเลย

ทั้งนี้หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หรือทานยาลดกรดควบคู่กันแล้ว อาการยังไม่ดีขึ้น แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจวัดกรดในหลอดอาหาร 24 ชั่วโมง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และอาจจำเป็นต้องส่องกล้องระบบทางเดินอาหารส่วนบน เพื่อดูว่ามีโรคอื่นซ่อนอยู่หรือไม่ ทางที่ดีถ้าเป็นเรื้อรังบ่อยๆ ก็ควรมาพบแพทย์เพื่อความสบายใจได้นะครับ

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit