RT ผู้เชี่ยวชาญพิเศษงานรับเหมาก่อสร้างด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค อาทิ งานอุโมงค์ โครงสร้างใต้ดิน เขื่อน โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ งานนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินด้วยวิธีดันท่อและเจาะดึงท่อ เข้าเทรด SET วันแรก เดินหน้าหลังระดมทุน จ่อประมูลงานโครงสร้างพื้นฐานในประเทศและต่างประเทศ หนุน Backlog ไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท ตั้งเป้ารักษาการเติบโตรายได้ 10-15% และอัตรากำไรขั้นต้นระดับ 22-24% และอัตรากำไรสุทธิ 9-10% ด้าน APM ที่ปรึกษาทางการเงิน ระบุปัจจัยพื้นฐานแกร่ง มีแนวโน้มขยายตัวในอนาคต บล.ฟิลลิป เผยธุรกิจมีศัยภาพการเติบโต นักลงทุนทั่วไป นิติบุคคล กองทุนสนใจลงทุน
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า APM มีความยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของ บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT โดยการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET ) ในวันที่ 12 พ.ย.63 นี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้กิจการเติบโตได้อย่างยั่งยืน และต่อยอดธุรกิจของบริษัท หลังจากที่ได้รับเงินระดมทุนจาก IPO จำนวน 576 ล้านบาท
"ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจกว่า 20 ปี ผนวกกับความมุ่งมั่นทุ่มเทของคณะผู้บริหารและทีมงาน เชื่อว่า RT จะสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีศักยภาพ อีกทั้งจะสามารถก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างพิเศษด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิคได้ตามเป้าหมายที่วางไว้"นายสมภพ กล่าว
นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค อาทิ งานอุโมงค์ โครงสร้างใต้ดิน เขื่อน โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ งานนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินด้วยวิธีดันท่อและเจาะดึงท่อ เปิดเผยว่า การเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรกถือว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยการระดมทุนของบริษัทในครั้งนี้ เพื่อขยายการรับงานตามแผนพัฒนาโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งมีงานลงทุนอีกหลายโครงการที่อยู่ในแผนการเร่งลงทุนของภาครัฐ อาทิ ระบบขนส่งราง งานอุโมงค์ถนน ระบบบริหารจัดการน้ำในประเทศ และงานเสริมเสถียรภาพทางลาด เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าปี 63 จะเป็นปีที่บริษัทเติบโตสูงสุดในรอบ 20 ปีตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา ( New High ) โดยบริษัทจะรักษาการเติบโตของรายได้อยู่ที่ระดับ 10-15% ต่อปี พร้อมรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 22-24% และอัตรากำไรสุทธิ 9-10%
นอกจากนี้บริษัทจะเตรียมเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มปริมาณงานให้สูงขึ้น โดยพยายามรักษาปริมาณงานในมือ ( Backlog ) ต่อปีไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท ขณะที่มีงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐทยอยประกาศออกมาตั้งแต่ปลายปี 63 จนถึงต้นปี 64 อาทิ โครงการงานรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย มูลค่าประมาณ 7.2 หมื่นล้านบาท โครงการกระทู้ป่าตอง จ.ภูเก็ต มูลค่าประมาณ 8 พันล้านบาท และโครงการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มูลค่าประมาณ 2-3 พันล้านบาท เป็นต้น โดยบริษัทมีความพร้อมเข้าประมูลงานดังกล่าว เมื่อมีการเปิดประมูลอย่างเป็นทางการ
นอกจากงานในประเทศที่มีโอกาสเข้ารับงานมากขึ้นแล้ว บริษัทยังมีโอกาสเข้ารับงานในต่างประเทศเพิ่มเติม เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัส Covid-19 คลี่คลาย โดยเฉพาะงานในประเทศ CLMV จากผลงานที่ผ่านมา อาทิ โครงการที่สปป.ลาว เช่น งานก่อสร้างอุโมงค์โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 , โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำส่วนขยายเทินหินบูน, โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี, งานก่อสร้างอุโมงค์ผันน้ำโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำเงี้ยบ 1, งานก่อสร้างอุโมงค์ผันน้ำโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำเทิน 1, งานก่อสร้างอุโมงค์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียน-เซน้ำน้อย เป็นต้น และโครงการที่พม่า คือ งานก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำโรงไฟฟ้าพลังน้ำเทายีกัด 2 และโครงการเขื่อนเดือนตรี ประเทศกัมพูชา เป็นต้น
นายเสกสรรค์ ธโนปจัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมว่า RT เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจมายาวนาน มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี และมีศักยภาพการในการเติบโต
"ภายหลังการระดมทุน RT จะสามารถสร้างการเติบโตได้ดี จากฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและความพร้อมในการดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่จะช่วยสร้างโอกาสดีให้กับนักลงทุน และผู้ถือหุ้นทุกท่านด้วยเช่นกัน โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ หลังหักสำรองต่างๆ" นายเสกสรรค์ กล่าว
นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)(PST) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวว่า เชื่อว่า RT จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งในการซื้อขายวันแรกและช่วงต่อจากนี้ เนื่องจากเป็นหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างที่ไม่เหมือนกับผู้ประกอบการในกลุ่มผู้รับเหมาทั่วไป ซึ่ง RT มีความต่างในด้านการรับงานเฉพาะทางด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค จึงเชื่อว่า RT จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สร้างโอกาสที่ดีให้กับนักลงทุนทั่วไป นิติบุคคล และนักลงทุนรายย่อย นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนสถาบันให้ความสนใจเข้ามาถือหุ้นอีกด้วย เนื่องจากเห็นโอกาสการเติบโตของ RT ในอนาคต
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit