สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเปิดตัวโครงการลดและเลิกใช้สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอนของประเทศไทย ระยะที่ 2 โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน กรุงเทพฯ
นายอรรถพล สังขวาสี ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้ร่วมมือกับ กรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อสนับสนุนการลดและเลิกใช้สารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน และให้ความรู้เกี่ยวกับการติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่ใช้สาร HFC - 32 เป็นสารทำความเย็น โดยโครงการลดและเลิกใช้สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอนของประเทศไทย ระยะที่ 2 ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพหุภาคีภายใต้พิธีสารมอนทรีออล ผ่านกรมโรงงานอุตสาหกรรม ในการสนับสนุนอุปกรณ์ และบุคลากร ในการจัดอบรมให้กับครูและบุคลากรในสถานศึกษา สังกัด สอศ. ให้มีความรู้และทักษะฝีมือเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารทำความเย็น HFC - 32 เพื่อให้ครูผู้สอนสามารถนำความรู้และทักษะไปถ่ายทอดให้แก่นักเรียน นักศึกษา ในสาขาวิชาช่างเครื่องทำความเย็นและปรับอากาศ ให้มีประสิทธิภาพได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย เพื่อรองรับการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจในอนาคต และการเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ซึ่ง สอศ.ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาสิ่งแวดล้อม มลพิษต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากภาคอุตสาหกรรม การจัดการศึกษาด้านวิชาชีพ ผลิต และพัฒนากำลังคนสู่ภาคอุตสาหกรรม เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถ ทักษะที่ตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างลงตัว รวมไปถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวต่อไปว่า โครงการลดและเลิกใช้สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอนของประเทศไทย ระยะที่ 2 ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารโลก ผ่านกรมโรงงานอุตสาหกรรม ในการจัดฝึกอบรม และมอบชุดเครื่องมือพื้นฐานสำหรับการติดตั้งและบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศที่ใช้ HFC - 32 เป็นสารทำความเย็น ให้กับ สอศ. ซึ่ง สอศ. จะได้นำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนให้กับนักเรียน นักศึกษา ในสาขาวิชาช่างเครื่องทำความเย็น และปรับอากาศให้มีศักยภาพ ประสิทธิภาพ และทักษะด้านเครื่องปรับอากาศให้เพียงพอต่อความต้องการของภาคบริการและการพัฒนาประเทศเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมต่อไป ซึ่งโครงการลดและเลิกใช้สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอนของประเทศไทย ระยะที่ 1 ได้ดำเนินการจัดฝึกอบรมแล้ว จำนวน 11 รุ่น มีบุคลากรครู ในสาขาช่างไฟฟ้ากำลังเข้ารับการฝึกอบรมทั้งสิ้น 330 คน จาก 240 วิทยาลัย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit