หลายคนอาจยังเข้าใจว่ามะเร็งตับ, ตับอักเสบ หรือไขมันพอกตับ มักเกิดขึ้นเฉพาะคนที่ทานแอลกอฮอล์เป็นประจำเท่านั้น แต่จะบอกว่าคนที่ทานอาหารที่มีไขมันสูง ก็เสี่ยงเป็นโรคดังกล่าวได้ด้วยเช่นกัน ส่วนคนที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ อันนี้เสี่ยงเป็นทั้ง 3 โรคได้เหมือนกัน
และถ้ากินทั้งแอล กินทั้งของมัน ของหวาน และยิ่งในผู้ที่เป็นโรคอ้วน โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ความเสี่ยงการเกิดภาวะไขมันพอกตับ ตับอักเสบเรื้อรัง นำไปสู่ภาวะตับแข็งและมะเร็งตับ ยิ่งเพิ่มพูนทวีคูณไปใหญ่โตเลยทีเดียว
ไขมันพอกตับ คือภาวะที่ร่างกายนำไขมันมาสะสมในรูปแบบของไตรกลีเซอไรด์ในตับ แรกเริ่มจะเป็นไขมันพอกตับก่อน หากปล่อยไว้เรื้อรังก็เสี่ยงเป็นตับอักเสบได้ และอาจกลายเป็นมะเร็งตับจนเสียชีวิตได้ในที่สุด
ซึ่งผู้ป่วยที่มีไขมันพอกตับ ร้อยละ 50 มักไม่แสดงอาการใดๆ หรือบางครั้งอาการที่เป็นก็ไม่เฉพาะเจาะจงมากพอที่จะบ่งบอกว่าเป็นโรคนี้ได้ อาจมีอาการแค่ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย คลื่นไส้เล็กน้อย รู้สึกตึงบริเวณใต้ชายโครงขวา หรือน้ำหนักลดลงผิดปกติ หากไม่มาตรวจสุขภาพก็ไม่สามารบ่งชี้อาการของโรคล่วงหน้าได้เลย
อ่านผ่านๆ ดูเหมือนจะน่ากลัวมาก แต่ต้องบอกว่าหากตรวจพบโรคและอาการแต่เนิ่นๆ ตับของเรานั้นสามารถรักษาและฟื้นฟูจนกลับคืนสู่สภาพปกติได้ด้วยนะ แต่หากปล่อยไว้จนเป็นตับแข็งล่ะก็ เรียนตามตรงว่าปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาทางยาที่ช่วยให้ตับคืนสภาพเหมือนเดิมได้ หรือหากเป็นรุนแรงจนตับทำงานไม่ได้ ก็ต้องรอผ่าตัดเปลี่ยนตับอย่างเดียว
และด้วยความที่ตับเป็นหนึ่งใน 7 อวัยวะของร่างกายที่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ หากลดภาระการใช้งานหนักๆ ดังนั้นหลายๆ หน่วยงาน จึงรณรงค์ให้ประชาชนได้งดเหล้าเข้าพรรษา เพื่อพักให้ตับของเราฟื้นฟูตัวเองทุกปีนั่นเอง นึกสภาพเหมือนชายหาดที่ปิดห้ามนักท่องเที่ยวใช้งาน แค่ 3 เดือนก็กลับมาฟื้นฟูสภาพดีมากๆ แล้วครับ นั่นแหละ ตับของเราก็สามารถฟื้นฟูได้เช่นกัน (แต่ข้อแม้คือต้องเป็นตับที่อยู่ในสภาพที่ยังฟื้นฟูได้นะ ถ้าพังไปเกิน 70-80% แล้ว อันนี้พักอีกกี่ปีก็ไม่ช่วยอะไร ต้องผ่าตัดเปลี่ยนตับอย่างเดียว)
นอกจากงดแอลกอฮอล์แล้ว การพักตับยังรวมไปถึงการงดของมัน ของทอดทั้งหลาย เพราะหากมีไขมันสะสมไปอยู่ที่ตับเป็นจำนวนมาก ก็เสี่ยงให้ตับอักเสบ และกลายเป็นตับแข็งหรือมะเร็งตับได้ด้วย พี่หมอรามเข้าใจว่ามันอร่อย แต่ของอร่อยหลายอย่างมักมาคู่กับโรคภัยเสมอ ดังนั้นจึงควรทานแต่พอดี
รวมถึงหมั่นตรวจเช็คสุขภาพประจำปีสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเจาะเลือด หรือทำอัลตร้าซาวด์ช่องท้องก็ตาม เพราะโรคนี้อย่างที่บอก หากตรวจเจอแต่เนิ่นๆ โอกาสที่รักษาให้หายขาดยิ่งสูงมาก อย่ารอจนถึงวันที่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ค่อยมาดูแลตัวเองเลย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit