RT พร้อมเทรด SET 12 พ.ย. มั่นใจเหนือจอง โชว์งบ 9 เดือน กำไร New High โตกระฉูด 205.24 %

11 Nov 2020

RT ผู้เชี่ยวชาญพิเศษงานรับเหมาก่อสร้างด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค อาทิ งานอุโมงค์ โครงสร้างใต้ดิน เขื่อน โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ งานนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินด้วยวิธีดันท่อและเจาะดึงท่อพร้อมลงสนามเทรด SET 12 พ.ย.นี้ มั่นใจยืนเหนือราคาจอง 1.92 บาท โชว์ผลงาน 9 เดือน กำไรสุทธิ New High 204.57 ล้านบาท โต 205.24% รายได้รวม 2,114.73 ล้านบาท มั่นใจธุรกิจมีโอกาสเติบโตสูง พร้อมรับงานโครงสร้างพื้นฐานตามแผนลงทุนพัฒนาประเทศ

RT พร้อมเทรด SET 12 พ.ย. มั่นใจเหนือจอง โชว์งบ 9 เดือน กำไร New High โตกระฉูด 205.24 %

นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค อาทิ งานอุโมงค์ โครงสร้างใต้ดิน เขื่อน โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ งานนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินด้วยวิธีดันท่อและเจาะดึงท่อ เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากมีความมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ซึ่ง RT เป็นหุ้นที่มีโอกาสเติบโตและไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย และมีประสบการณ์เชี่ยวชาญพิเศษในงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในประเทศและต่างประเทศมากว่า 20 ปี

โดยหลังจากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ บริษัทจะนำเม็ดเงินที่ได้มาใช้ขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ พร้อมลงทุนเพิ่มเครื่องมือ-เครื่องจักร ระบบคอมพิวเตอร์ และการก่อสร้างโรงซ่อมและอาคารเก็บวัสดุแห่งใหม่ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจต่อไปในอนาคต ซึงการระดมทุนจะส่งผลให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจ สร้างความน่าเชื่อถือ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ยกระดับในการเข้ารับงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และสร้างการเติบโตได้ตามแผนและกรอบเวลาที่ทางบริษัทได้วางไว้

สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือน สิ้นสุด 30 ก.ย. 2563 ถือเป็นการเติบโตทำสถิติสุงสุด (New High) บริษัทมีรายได้รวม 2,114.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,687.48 ล้านบาท จำนวน 427.25 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25.31% และมีกำไรสุทธิ 204.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 67.02 ล้านบาท จำนวน 137.55 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 205.24 %

ด้านผลประกอบการไตรมาส 3/63 บริษัทมีรายได้รวม 673.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 643.75 ล้านบาท จำนวน 29.65 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.60% และมีกำไรสุทธิ 67.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 28.51 ล้านบาท จำนวน 38.74 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 135.88%

ทั้งนี้ รายได้และกำไรของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นมากจากปีก่อน เนื่องจากบริษัทรับรู้รายได้จากโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระเป็นงานที่กำไรขั้นต้นค่อนข้างสูง ซึ่งเป็นงานที่บริษัทมีประสบการณ์การทำงานสูงจากการก่อสร้างอุโมงค์ และการบริหารการใช้เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทสามารถดำเนินงานได้เป็นอย่างดี และได้รับอัตรากำไรขั้นต้นสูงดังกล่าวต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาส 3/63

นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมว่า คาดว่า RT จะเป็นหุ้นไอพีโอที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน นิติบุคคล รายย่อย และนักลงทุนสถาบัน ด้วยจุดเด่นที่เป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค ที่มีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการลงทุนของภาครัฐตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจงานโครงสร้างพื้นฐานในหลายโครงการ อาทิ ระบบขนส่งราง งานถนน ระบบบริหารจัดการน้ำในประเทศ ซึ่งงานก่อสร้างเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานมีมูลค่างานสูงและเป็นงานที่มีการก่อสร้างต่อเนื่อง ต้องอาศัยความรู้ความสามารถจากบริษัทที่มีประสบการณ์และความชำนาญพิเศษ ซึ่งมีผู้รับเหมาจำนวนน้อยรายที่ดำเนินธุรกิจได้แบบ RT

ทั้งนี้ จึงมั่นใจว่า RT จะมีโอกาสรับงานได้อีกมากในอนาคต โดยเฉพาะงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐที่ทยอยประกาศออกมา อีกทั้งบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีความสามารถบริหารต้นทุนการก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะท้อนจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ( 1 ต.ค. 62 - 30 ก.ย.63 ) มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 267 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมมีกำไรสุทธิ 229.47 ล้านบาท (1 ก.ค. 62 - 30 มิ.ย. 63 ) ส่งผลให้กำไรสุทธิต่อหุ้น (Earnings Per Share) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 0.24 บาทต่อหุ้น จากเดิม 0.21 บาทต่อหุ้น ขณะที่อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 1.92 บาท อยู่ที่ 8 เท่า จากเดิมอยู่ที่ 9.20 เท่า

"ภายหลังการระดมทุน RT จะสามารถสร้างการเติบโตเพิ่มขึ้น จากฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดย RT มีกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรร ณ สิ้นไตรมาส 3/63 อยู่ที่ 343.55 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังจากหักสำรองต่าง ๆ และมีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการเติบโตและโอกาสการรับงานโครงสร้างพื้นฐานในอนาคต" นายสมภพกล่าว

HTML::image(