จีนได้สรุปขอบข่ายและมาตรการสำคัญในการเปลี่ยนประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลกให้กลายเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมระดับโลกในอีก 15 ปีข้างหน้า โดยให้คำมั่นว่าจะสร้างความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในด้านเทคโนโลยีหลักที่มีความสำคัญ
เอกสารข้อเสนอเพื่อการพัฒนาของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่เผยแพร่ต่อสาธารณะเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ระบุว่า จีนจะดำเนินการพัฒนาโดยขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และดำเนินโครงการเชิงกลยุทธ์ในด้านปัญญาประดิษฐ์ ข้อมูลควอนตัม วงจรรวม ชีวิตและสุขภาพ วิทยาศาสตร์สมอง การเพาะพันธุ์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการบินและอวกาศ รวมถึงการสำรวจใต้พิภพและมหาสมุทร
เอกสารดังกล่าวเป็นข้อเสนอของผู้บริหารพรรคในการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 (ปี 2564-2568) และวัตถุประสงค์ระยะยาวถึงปี 2578 โดยได้รับการรับรองในการประชุมใหญ่ครั้งที่ 5 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 19 ซึ่งปิดประชุมไปเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม
อ่านบทความต้นฉบับได้ที่ https://news.cgtn.com/news/2020-11-04/China-unveils-blueprint-to-become-global-leader-in-innovation-V8ymvHioog/index.html
การพึ่งพาตนเองในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้กล่าวปราศรัยเพื่ออธิบายข้อเสนอดังกล่าว โดยย้ำว่าจีนควรมุ่งส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพสูงในช่วงแผนพัฒนาฉบับที่ 14
ด้วยเหตุนี้ จีนจึงให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนนวัตกรรมที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความทันสมัย รวมทั้งชูการพึ่งพาตนเองด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นกลยุทธ์สำคัญในการพัฒนาประเทศ
เอกสารระบุว่าจีนจะปรับปรุงระบบนวัตกรรมแห่งชาติ และเร่งความพยายามในการสร้างประเทศให้เป็นผู้ทรงอิทธิพลด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
หวัง จื่อกัง รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า "เราจะเพิ่มขีดความสามารถด้านการพัฒนานวัตกรรมอย่างเป็นอิสระ เนื่องจากเทคโนโลยีหลักที่มีความสำคัญไม่สามารถซื้อหาได้"
"ในขณะเดียวกัน เราหวังว่าจะได้เรียนรู้ประสบการณ์ขั้นสูงจากประเทศอื่น ๆ พร้อมกับแบ่งปันความสำเร็จทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีนให้กับประเทศต่าง ๆ ตลอดจนสนับสนุนการเผยแพร่ "ภูมิปัญญาจีน" เพื่อรับมือกับความท้าทายทั่วโลก"
เอกสารดังกล่าวยังเน้นย้ำถึง "บทบาทสำคัญ" ของภาคองค์กรในด้านการพัฒนานวัตกรรม โดยองค์กรต่าง ๆ ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มขีดความสามารถด้านนวัตกรรมของตนเอง
ข้อเสนอระบุว่า จีนจะส่งเสริมการสร้างห้องปฏิบัติการระดับชาติ รวมถึงวางแผนและพัฒนาศูนย์วิทยาศาสตร์แห่งชาติและศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาค ตลอดจนสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับนานาชาติในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า
อุตสาหกรรมเกิดใหม่เชิงกลยุทธ์และการพัฒนาสีเขียว
ขณะเดียวกัน เอกสารฉบับนี้ยังระบุถึง "อุตสาหกรรมเกิดใหม่เชิงกลยุทธ์" จำนวนมาก และให้คำมั่นว่าจะเร่งการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล่านี้ ได้แก่ เทคโนโลยีสารสนเทศยุคใหม่ เทคโนโลยีชีวภาพ พลังงานใหม่ วัสดุใหม่ อุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ ยานยนต์พลังงานใหม่ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การบินและอวกาศ และอุปกรณ์เดินเรือ
ข้อเสนอดังกล่าวเรียกร้องให้มีการบูรณาการอินเทอร์เน็ต บิ๊กดาต้า และปัญญาประดิษฐ์เข้ากับอุตสาหกรรมอื่น ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการพัฒนาการผลิตขั้นสูง การสร้างกลุ่มอุตสาหกรรมเกิดใหม่เชิงกลยุทธ์ให้เป็นกลไกใหม่ในการผลักดันการเติบโต รวมถึงการบ่มเพาะเทคโนโลยีใหม่ ผลิตภัณฑ์ใหม่ ต้นแบบธุรกิจใหม่ และรูปแบบธุรกิจใหม่
ขณะเดียวกัน จีนจะนำเสนอมาตรการต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
จีนจะลดความเข้มข้นของคาร์บอน หรือปริมาณการปล่อยคาร์บอนต่อหน่วยของจีดีพี และจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงสุดก่อนปี 2573
คำมั่นสัญญาดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของจีนในการส่งเสริมการพัฒนาสีเขียวและการปฏิวัติสีเขียวระดับโลกในยุคหลังโควิด
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวเมื่อเดือนกันยายนว่า จีนตั้งเป้าบรรลุเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ไม่เกินปี 2603
นายสี จิ้นผิง กล่าวผ่านวิดีโอลิงก์ไปยังการอภิปรายทั่วไปของการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติสมัยที่ 75 ว่า "โควิด-19 เตือนเราว่ามนุษยชาติควรเริ่มการปฏิวัติสีเขียว รวมถึงเร่งสร้างแนวทางการพัฒนาและการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม"
เขาเรียกร้องให้ทุกประเทศ "ดำเนินการขั้นเด็ดขาด" เพื่อปฏิบัติตามความตกลงปารีสปี 2558 ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และให้คำมั่นว่าจีนจะ "ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงสุดก่อนปี 2573 และบรรลุเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอนไม่เกินปี 2603"
"ชัยชนะอยู่แค่เอื้อม" ในการบรรลุเป้าหมาย "เสี่ยวคัง"
จีนตั้งเป้าคว้าชัยชนะ "เบ็ดเสร็จเด็ดขาด" ในการสร้างสังคมที่มีความเจริญระดับปานกลางในทุกแง่มุม (เรียกว่า "เสี่ยวคัง" ในภาษาจีน) และเอกสารระบุว่า "ชัยชนะอยู่แค่เอื้อม" ในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะทำการประเมินอย่างเป็นระบบและทบทวนการสร้างสังคมที่มีความเจริญระดับปานกลางในทุกแง่มุมในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ก่อนที่จะประกาศอย่างเป็นทางการถึงความสำเร็จในสร้างสังคมที่มีความเจริญระดับปานกลางทั่วทุกภาคส่วน
เขาย้ำว่า ทางพรรคยังคงมีพันธสัญญาต่อประชาชนในการสร้างสังคมที่มีความเจริญระดับปานกลางอย่างทั่วถึงเพื่อประโยชน์ของประชาชนกว่า 1 พันล้านคน ก่อนที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะครบรอบ 100 ปีการก่อตั้งพรรคในปีหน้า
ข้อเสนอดังกล่าวยังระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการที่จีนตัดสินใจกำหนดรูปแบบการพัฒนาใหม่ ซึ่งตลาดในประเทศและต่างประเทศกระตุ้นซึ่งกันและกัน โดยมีตลาดในประเทศเป็นหลัก ในขณะเดียวกันก็ให้คำมั่นว่าจีนจะยกระดับการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจต่อไป
นอกจากนี้ เอกสารระบุว่าจีนจะให้การสนับสนุนเขตปกครองพิเศษฮ่องกงและมาเก๊าในการเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน ตลอดจนผนวกการพัฒนาฮ่องกงและมาเก๊าเข้ากับการพัฒนาโดยรวมของประเทศจีน
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit