รายงานผลการศึกษาบล็อกเชนสำหรับการชำระเงินประจำปี 2020

06 Nov 2020

ริปเปิ้ลเปิดผลรายงานการศึกษาบล็อกเชนสำหรับการชำระเงิน (Blockchain in Payments Report) ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีครั้งที่สาม เผยให้เห็นว่าการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาประยุกต์ใช้คือกุญแจสำคัญในกลยุทธ์การสร้างการเติบโตที่ประสบความสำเร็จสำหรับสถาบันการเงิน ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ผู้เริ่มบุกเบิกการใช้บล็อกเชนก่อนใครมีแนวโน้มที่จะรายงานการเติบโตที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับผู้ตอบแบบสอบถามรายอื่นๆ ผลการสำรวจยังพบว่าเกิดการยอมรับในเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งตามทฤษฏีถือว่าอยู่ในจุดที่ได้ก้าวพ้นปากเหวและเดินหน้าสู่ความรุ่งโรจน์ และผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีการใช้งานเทคโนโลยีบล็อกเชนบนระบบ production (ระบบที่มีการใช้งานจริง) ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าทั้งผู้ใช้งานปลายทางและผู้ให้บริการการชำระเงินได้พิสูจน์ให้เห็นถึงคุณค่าและความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยี ดังนั้นเพื่อให้เกิดการนำไปใช้งานมากขึ้นอย่างต่อเนื่องและเพิ่มรายได้ที่เกี่ยวข้องกับระบบการชำระเงิน จำเป็นต้องมีระบบที่สามารถติดตั้งและใช้งานที่ง่ายขึ้นรวมถึงความชัดเจนด้านกฎระเบียบและข้อกำหนดต่างๆ ผู้กำหนดนโยบายทั่วโลกต่างพูดถึงข้อดีและประโยชน์ของบล็อกเชนและเทคโนโลยีสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันผู้ให้บริการเทคโนโลยีบล็อกเชนหลายรายกำลังพัฒนาเพื่อให้ระบบสามารถใช้งานได้ง่ายขึ้นผ่าน API บริการโฮสต์เซอร์วิส และการวางมาตรฐานต่างๆ

รายงานผลการศึกษาบล็อกเชนสำหรับการชำระเงินประจำปี 2020

บทสรุปที่สำคัญ

  • ธุรกิจส่วนใหญ่ในปัจจุบันได้นำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในระบบงานจริง: 59% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีการใช้บล็อกเชนในระบบงานจริงหรืออยู่ในช่วงกำลังจะขึ้นระบบงานจริงในส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับระบบการชำระเงิน ตลาดเกิดใหม่เป็นผู้นำในการใช้บล็อกเชนบนระบบงานจริงโดยมีสัดส่วนสูงถึง 37%

อุตสาหกรรมทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจดิสรัปชั่นครั้งร้ายแรงแห่งศตวรรษ ผลกระทบของ COVID-19 ได้ตอกย้ำถึงความสำคัญของความรวดเร็วและความคล่องตัวทางธุรกิจ ในขณะเดียวกันก็ขยายภาพให้เห็นชัดขึ้นว่าโลกเราต้องพึ่งพาระบบดิจิทัล และธุรกิจที่ต้องอาศัยประสบการณ์ดิจิทัลมาขับเคลื่อนคงไม่มีอะไรเกินไปกว่าธุรกิจการชำระเงิน การอยู่รอดของธุรกิจจำเป็นต้องมีการนำโซลูชันดิจิทัลมาใช้ การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลไม่ใช่เกมที่ยึดเยื้อยาวนานอีกต่อไป แต่กลับเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องรีบทำให้เสร็จภายในระยะเวลาอันสั้น การ migrate ระบบอย่างรวดเร็วและการเร่งประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลคาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไปอีกเรื่อยๆ ดังนั้นผู้เล่นที่อยู่ในสายธุรกิจด้านการชำระเงินจึงต้องพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พวกเขาเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าลูกค้าต่างคาดหวังให้พวกเขาสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

  • ผู้ตอบรับเทคโนโลยีมองว่าบล็อกเชนเป็นขุมพลังที่ช่วยสร้างการเติบโตของธุรกิจ: 44% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีการใช้งานบล็อกเชนในระบบจริงมีการเติบโตทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ในขณะที่ 45% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีการดำเนินธุรกรรมแบบดิจิทัลโดยรวมมีการเติบโตในระดับสูงมาก ในปีนี้ผลการวิจัยชี้ให้เห็นถึงระยะการเติบโตในขั้นท้ายสุด - นั่นคือการนำบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้จะช่วยเร่งเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดและมีความสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจ

ทั่วโลกตลาดเกิดใหม่กำลังเติบโตแบบก้าวกระโดดแซงหน้าตลาดที่อิ่มต้วในแง่ของการตอบรับและการใช้งานบล็อกเชนในระบบการชำระเงิน ทั่วทุกตลาดเกิดใหม่ 37% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีการใช้งานบล็อกเชนในระบบงานจริง โดยภูมิภาคนำโด่งคือเอเชียแปซิฟิก (APAC) ที่มีสัดส่วนถึง 41% ส่วนภูมิภาคละตินอเมริกา (LATAM) มีสัดส่วนการใช้งานบล็อกเชนในระบบงานจริงที่เพิ่มขึ้นเกือบหกเท่าระหว่างปี 2018 และ 2020 ความโปร่งใสของข้อมูลคือกุญแจสำคัญสำหรับตลาดเกิดใหม่ การประหยัดต้นทุนเป็นคุณประโยชน์ที่สำคัญสำหรับภูมิภาคละตินอเมริกาและเอเชียแปซิฟิก ในขณะที่ภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาให้ความสำคัญกับการสนับสนุนด้านการบริหารจัดการ ผลรายงานเพิ่มเติมถึงตัวขับเคลื่อนที่สำคัญซึ่งธุรกิจที่ใช้ประโยชน์จากบล็อกเชนเทคโนโลยีในการชำระเงินข้ามพรมแดนเล็งเห็นถึงประโยชน์ทั้งสี่ประการ ได้แก่ คุณภาพของข้อมูลที่ดีขึ้น ความปลอดภัยของข้อมูลที่เพิ่มขึ้น การประหยัดต้นทุน และช่วยสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ การรับรู้ถึงข้อดีในมุมของการช่วยธุรกิจให้เติบโตเพิ่มขึ้นพิสูจน์ได้จากการเพิ่มขึ้นถึง 28% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่อ้างถึง "ความสามารถในการช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาด" ระหว่างปี 2019 ถึง 2020 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนมีความก้าวหน้าอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่อุปสรรคในการนำไปใช้ในผู้เล่นรายสำคัญยังคงมีอยู่ทั่วทุกภูมิภาค การขาดกฎระเบียบที่จะมากำกับดูแลนับเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการนำไปใช้ทั่วโลก ต้นทุนทิ่เกิดขึ้นในการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยียังเป็นอุปสรรคในหลายๆ ตลาด รวมทั้งประเด็นเรื่องซีเคียวริตี้ก็เช่นกัน

  • มีการนำโซลูชันบล็อกเชนไปใช้ในธุรกิจหลากหลายประเภท: 98% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่อย่างน้อยที่สุดได้เริ่มทำ POC บล็อกเชนสำหรับการชำระเงิน ต่างก็มีการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนไปใช้ในงานด้านอื่นๆ ที่นอกเหนือจากระบบการชำระเงิน ในจำนวนนี้พบว่ามีการนำไปใช้กับระบบบริหารซัพพลายเชนมากที่สุด (62% มีการใช้งานบนระบบจริง) ตามมาด้วยไฟแนนซ์เทรด (51% มีการใช้งานบนระบบจริง)

บทพิสูจน์ถึงคุณค่าของบล็อกเชนและความเป็นไปได้ที่จะนำไปใช้ในธุรกิจทุกประเภทกับการเป็นเทคโนโลยีสำหรับองค์กรอย่างแท้จริง ในรายงาน Blockchain in Payments Report แสดงให้เห็นว่ามีการใช้บล็อกเชนทั่วทุกธุรกิจ จากตัวอย่างกรณีศึกษาพบว่ามีการนำไปใช้กับระบบบริหารซัพพลายเชนมากที่สุด (62% มีการใช้งานบนระบบจริง) ตามมาด้วยไฟแนนซ์เทรด (51% มีการใช้งานบนระบบจริง) มีการติดตั้งระบบอย่างเร่งด่วนในสายธุรกิจที่ต้องจัดหาบริการชำระเงินภายในประเทศและธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

ผู้ตอบแบบสอบถามโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเปิดเผยว่า ไม่ว่าธุรกิจใดจะก้าวเข้าสู่เทคโนโลยีบล็อกเชนก่อน ล้วนส่งผลกระเพื่อมในเชิงบวกทั้งสิ้น ผู้ที่เริ่มก้าวก่อนคนอื่นมีแนวโน้มที่จะสะสมพลังที่จะเป็นแรงหมุนวงรอบของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในไฟแนนซ์เทรดและระบบบริหารซัพพลายเชนมีจำนวนเกินครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด ดังที่แสดงในรูปด้านล่าง (ในกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามที่มีการใช้บล็อกเชนในระบบงานจริง) แสดงให้เห็นว่ากรณีศึกษาสำหรับการใช้งานในส่วน non-payment มีสัดส่วนมากกว่าการนำไปใช้ในระบบการชำระเงิน ลูกค้าที่ต้องการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ก่อนใครในสายงานเหล่านี้สามารถศึกษาจากยูสเคสเหล่านี้ได้เพื่อนำไปใช้เป็นเกณฑ์เปรียบเทียบ

  • ความสนใจในการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อการชำระเงินข้ามพรมแดนที่รวดเร็วขึ้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก: 99% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าองค์กรของพวกเขาจะพิจารณาใช้สินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ว่าจะใช้เป็นสกุลเงินเอง หรือใช้เพื่อเป็นสื่อกลางในการดำเนินการชำระเงินข้ามพรมแดนในทันที โดยเพิ่มขึ้นจาก 94% ในปี 2018

ในช่วงห้าปีที่ผ่านมาระดับความวางใจขององค์กรที่มีต่อสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รายงาน Blockchain in Payments Report พบว่าในระดับบริษัท สินทรัพย์ดิจิทัลถูกมองว่าเป็นตัวเลือกที่ใช้ทดแทนได้เมื่อจับคู่กับเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อเพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการชำระเงินข้ามพรมแดน

รายงานเผยว่าเกือบ 100% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าบริษัทของพวกเขาจะพิจารณาใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสกุลเงิน และ/หรือ เป็นสื่อกลางในการชำระเงิน โดยเพิ่มขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่ปี 2018 ความคิดเห็นพ้องที่เกือบเป็นเอกฉันท์นี้ส่งสัญญาณว่าสินทรัพย์ดิจิทัลได้บรรลุผลสำเร็จทั้งในแง่ของการสร้างความเข้าใจและความวางใจให้กับตลาด

ผู้ที่ใช้บล็อกเชนในระบบการชำระเงินกลุ่มแรกๆ จะเห็นถึงประโยชน์ที่สินทรัพย์ดิจิทัลมอบให้ในแง่ของการชำระบัญชีที่รวดเร็วขึ้น อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ดีขึ้น และความสามารถในการเปิดให้บริการใหม่ ๆ เช่น บริการรับชำระเงินอัตโนมัติสำหรับประชากรที่เข้าไม่ถึงระบบการเงินการธนาคาร

รายงาน Blockchain in Payments Report แสดงให้เห็นว่าเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามมั่นใจว่าสินทรัพย์ดิจิทัลมอบคุณค่าให้กับลูกค้า ยิ่งผู้ตอบแบบสอบถามมีประสบการณ์เกี่ยวกับบล็อกเชน และ/หรือ มีส่วนร่วมกับลูกค้า digital-first มากเท่าไร เขาก็ยิ่ง เชื่อมั่นว่าลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้นเท่านั้น ผู้ตอบแบบสอบถามที่ให้บริการรับชำระเงินข้ามพรมแดนเสริมว่า "ความพร้อมของสภาพคล่อง" เป็นคุณสมบัติที่สำคัญในการประยุกต์ใช้สินทรัพย์ดิจิทัล อันจะช่วยเร่งให้เกิดการนำไปใช้โดยผู้เล่นรายสำคัญต่างๆ

ข้อมูลผู้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ

การสำรวจเริ่มดำเนินการในเดือนสิงหาคมและกันยายนของปี 2020 รายงาน Blockchain in Payments ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ตอบแบบสอบถาม 854 คนในตำแหน่งต่างๆ (ผู้จัดการอาวุโส 45%, ผู้บริหารระดับ C-level 27%, ผู้อำนวยการ 16%, รองประธาน / รองประธานอาวุโส 12%) ใน 22 ประเทศ (อเมริกาเหนือ 25%, ลาตินอเมริกา 6% ยุโรป 18% ตะวันออกกลางและแอฟริกา 15% เอเชียแปซิฟิก 35%) โดยเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับระบบบริการชำระเงินในองค์กรของตน (ตัวกลางหรือตัวแทนรับชำระเงิน 22% ธนาคารรีเทลแบงกิ้ง 26% ธนาคารดิจิทัล 26% ผู้ให้บริการรับโอนเงิน 26%)

เพื่อให้มีการผสมผสานระหว่างประเทศที่เป็นตัวแทนตลาดซึ่งมีความต้องการที่จะใช้บล็อกเชนในการชำระเงิน คำตอบจะถูกให้น้ำหนักโดยพิจารณาจากปริมาณการไหลเข้าและการส่งเงินออกทั้งหมดของประเทศนั้นๆ การสำรวจนี้จัดทำโดยบุคคลที่สามและไม่ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายไปที่ลูกค้าของริปเปิล ผลการวิเคราะห์เป็นการดำเนินการร่วมกันโดย Ripple และ Celent