SSP โชว์งบ Q1/63 กำไรสุทธิพุ่ง 75% กำไรดำเนินงานสวยไม่แพ้กันโต 24% จ่อ COD โรงไฟฟ้าญี่ปุ่นก่อนกำหนดดันผลงานครึ่งปีหลังทะยานต่อ

14 May 2020

SSP ไปต่อไม่รอแล้วนะ! ผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้กำไรจากการดำเนินงานพุ่งกระฉูด 24% ทำสถิติใหม่  ส่วนในภาพรวมสุดหรูกำไรสุทธิพุ่งกระฉูด 75% แตะระดับ 214 ล้านบาท เพราะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหนุน  ระบุรับรู้รายได้โซลาร์ฟาร์มเวียดนามและมองโกเลียรวม 66 เมกะวัตต์ แถมจ่อ COD โรงไฟฟ้าญี่ปุ่น 34 เมกะวัตต์ ก่อนกำหนด ดันผลงานครึ่งปีหลังทะยานต่อ

SSP โชว์งบ Q1/63 กำไรสุทธิพุ่ง 75% กำไรดำเนินงานสวยไม่แพ้กันโต 24% จ่อ COD โรงไฟฟ้าญี่ปุ่นก่อนกำหนดดันผลงานครึ่งปีหลังทะยานต่อ

นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SSP) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92 ล้านบาท หรือร้อยละ 75 จากไตรมาสที่ 1/2562 โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายการพิเศษในไตรมาสที่ 1/2563 คือ การบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 51 ล้านบาท  แต่หากไม่รวมรายการดังกล่าว SSP  มีกำไรจากการดำเนินงานปกติในไตรมาสที่ 1/2563  ที่ 161 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% สร้างสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง

สำหรับผลประกอบการที่ดีขึ้น เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์ฟาร์มเวียดนามและมองโกเลียรวม 66 เมกะวัตต์ ตลอดจนโรงไฟฟ้าซึ่งเปิดดำเนินการระหว่างปี 2561 ทั้งในไทยและญี่ปุ่นรับรู้รายได้เต็มปี  โดยในปัจจุบัน SSP มีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือรวมทั้งสิ้น 160 เมกะวัตต์

พร้อมกันนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมขายไฟ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โครงการ Yamaga ประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 34 เมกะวัตต์ เพิ่มอีกภายในเดือน มิ.ย. 2563 นี้ ซึ่งเร็วกว่ากำหนด เมื่อรวมกับการรับรู้รายได้เต็มปีของโซลาร์ฟาร์มเวียดนามและมองโกเลีย จะทำให้ปี 2563 นี้มีการเติบโตอย่างโดดเด่นเช่นเคย

ส่วนแนวโน้มรายได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้าคาดยังเติบโตอีกมาก จากการมีโรงไฟฟ้าใหม่ๆเริ่มขายไฟมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเรามีฐานจำนวนโรงไฟฟ้าที่ยังไม่สูง พอโรงไฟฟ้าใหม่ๆเริ่มดำเนินการก็จะมีอัตราเติบโตต่อรายได้และกำไรมาก โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่จะเข้ามาในรอบ 3 ปีข้างหน้า อาทิ เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานลมกำลังการผลิต 48 เมกะวัตต์ ในประเทศเวียดนาม โรงไฟฟ้าพลังงานแสงแดดในญี่ปุ่นอีกสองโรงกำลังการผลิต 26 เมกะวัตต์ และ 22 เมกะวัตต์ ตามลำดับ ทุกโครงการเดินหน้าปกติตามแผนงานที่เราวางไว้ ไม่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดแต่อย่างใด

"จุดแข็งของ SSP คือ มีความเชี่ยวชาญ เน้นพัฒนาโครงการตั้งแต่ต้น ไม่เน้นการซื้อโครงการที่เสร็จแล้วมาดำเนินการต่อ ซึ่งทำให้ได้ผลตอบแทนในแต่ละโรงไฟฟ้าดีกว่าอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้ปิดโอกาส หากมีโครงการที่ผลตอบแทนดี ความเสี่ยงต่ำก็พร้อมซื้อเช่นกัน"

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SSP กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาพยายามมองหาโครงการใหม่มาเติมในพอร์ตการลงทุนอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับรายได้และกำไรที่เติบโตสูงมาตลอด  โดยในปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 2 ในประเทศเวียดนาม และเตรียมเข้าลงทุนโครงการโซลาร์รูฟท็อปในประเทศอินโดนีเซีย โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปี 2563  ทั้งนี้ SSP มีเป้าหมายต้องการมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 400 เมกะวัตต์ ภายใน 3-5 ปี ข้างหน้า ซึ่งจะแจ้งกับนักลงทุนต่อไป