ปอร์เช่ 911 ทาร์กา ใหม่ (The new Porsche 911 Targa) เจเนอเรชันที่ 8 ของรถสปอร์ตเปี่ยมเอกลักษณ์ระดับตำนาน

28 May 2020

ปอร์เช่พร้อมนำเสนอยนตรกรรมสปอร์ตสายพันธุ์แท้รูปแบบตัวถังลำดับที่ 3 ภายในช่วงฤดูร้อนนี้: หลังจาก ความร้อนแรงของรุ่นตัวถัง 2 ประตูคูเป้  (Coupe)  และตัวถังเปิดประทุนคาบริโอเล็ต (Cabriolet) ทายาทรุ่นล่าสุดของ อนุกรม 911 ใหม่ (The new Porsche 911) เปิดตัวตามติดมาอย่างทันท่วงทีด้วยรถสปอร์ตขับเคลื่อน 4 ล้อ ปอร์เช่ 911 ทาร์กา 4 (Porsche 911 Targa 4) และ 911 ทาร์กา  4 เอส (911 Targa 4S) ยังคงรักษาเอกลักษณ์อัน แตกต่างด้วยนวัตกรรมสุดล้ำของตัวถังทาร์กา (Targa) ติดตั้งระบบหลังคาอัตโนมัติควบคุมการทำงานของหลังคาประทุน ที่มีสไตล์โดดเด่นเหนือระดับเฉกเช่นเดียวกับปอร์เช่ ทาร์กา (Porsche Targa) รุ่นปี 1965 แนวหลังคาทรงโค้งที่สามารถ เปิดรับสัมผัสแห่งธรรมชาติได้บริเวณเบาะนั่งคู่หน้าทอดตัวโอบล้อมครอบคลุมจรดบานกระจกบังลมหลังสั่งการเปิดและ ปิดได้อย่างสะดวกสบายภายในระยะเวลาอันรวดเร็วเพียง 19 วินาทีเท่านั้น

ปอร์เช่ 911 ทาร์กา ใหม่ (The new Porsche 911 Targa) เจเนอเรชันที่ 8 ของรถสปอร์ตเปี่ยมเอกลักษณ์ระดับตำนาน

ประจำการด้วยขุมพลังเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 6 สูบนอน ขนาดความจุ 3.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์คู่: ปอร์เช่ 911 ทาร์กา 4 (Porsche 911 Targa 4) มีพละกำลังสูงสุด 385 แรงม้า (283 กิโลวัตต์) เมื่อติดตั้งอุปกรณ์พิเศษ ชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Sport Chrono package  ให้อัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปยังระดับความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลา 4.2 วินาที ซึ่งเร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 10% สำหรับปอร์เช่ 911 ทาร์กา 4 เอส (Porsche 911 Targa 4S) ยกระดับความแรงขึ้นอีกด้วยกำลังสูงสุดถึง 450 แรงม้า (331 กิโลวัตต์) อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 3.6 วินาที หรือเร็วขึ้นถึง 40% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นที่ผ่านมา ในส่วนความเร็วสูงสุด ปอร์เช่ 911 ทาร์กา 4 (Porsche 911 Targa 4) ทำได้ที่ 289 กิโลเมตรตร่อชั่วโมง (เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า 2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ขณะที่รุ่น 4 เอส (4S) สามารถทะยานทะลุพิกัดความเร็วสูงสุดได้ถึง 304 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า 3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)

ยนตรกรรมสปอร์ตเปิดหลังคาสไตล์เฉียบทั้ง 2 รุ่น ติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะคลัทช์คู่ (PDK) 8 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา all-wheel drive Porsche Traction Management (PTM) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน มั่นใจในสุดยอดสมรรถนะที่จะเปิดประสบการณ์การขับขี่สุดเร้าใจ เทคโนโลยีล้ำสมัยมากมายอัดแน่นอยู่ในปอร์เช่ 911 (Porsche 911) ทั้ง 2 รุ่น รองรับอรรถประโยชน์สูงสุดในการใช้งานประจำวันด้วยฟังก์ชัน Smartlift ตั้งค่าระดับความสูงใต้ท้องรถเพื่อตอบสนองต่อการเดินทางได้อย่างสมบูรณ์แบบพบกับอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษมากมายจาก Porsche Tequipment และสร้างสรรค์ยนตรกรรม ที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของคุณด้วยชุดแต่งจาก Porsche Exclusive Manufakturปอร์เช่มุ่งมั่นนำเสนอผลงานที่ผสมผสานความลงตัวระหว่างชิ้นงานสไตล์คลาสสิคการออกแบบที่ท้าทาย ทุกข้อจำกัดของกาลเวลาและขีดสุดแห่งนวัตกรรมเทคโนโลยีชั้นเลิศหลอมรวมกันเป็น 911 ทาร์กา (911 Targa) เปิดตัวอย่างเป็น ทางการครั้งแรกในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้

ขุมพลังบ็อกเซอร์เทอร์โบคู่ ประสิทธิภาพสูง

เช่นเดียวกันกับปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า (Porsche 911 Carrera) 911 ทาร์กา (911 Targa) ทั้ง 2 รุ่นได้รับการ ยกระดับสมรรถนะเพิ่มขึ้น นั่นคือ การติดตั้งเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 6 สูบนอน เทอร์โบชาร์จ ความจุ 3.0 ลิตร รองรับทุกการขับขี่ทั้งในด้านของประสิทธิภาพ และการใช้งานประจำวัน ทั้งนี้ เครื่องยนต์ของ 911 ทาร์กา 4 (911 Targa 4) ให้พละกำลังสูงสุด 385 แรงม้า (283 กิโลวัตต์) ที่ 6,500 รอบต่อนาทีหรือเพิ่มขึ้น 15 แรงม้า (11 กิโลวัตต์) เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร พร้อมให้เรียกใช้งานที่รอบเครื่องยนต์ตั้งแต่ 1,950 จนถึง 5,000 รอบต่อนาที ในขณะที่ 911 ทาร์กา โฟร์ 4 (911 Targa 4S) ให้พละกำลังมหาศาลกว่า 450 แรงม้า (331 กิโลวัตต์) หรือมากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 30 แรงม้า (22 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุดกว่า 530 นิวตันเมตร (เพิ่มขึ้น 30 นิวตันเมตร) ที่รอบเครื่องยนต์ตั้งแต่ 2,300 จนถึง 5,000 รอบต่อนาที

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive เพื่อการขับเคลื่อนสมบูรณ์แบบ

มั่นใจในการถ่ายทอดสมรรถนะลงสู่พื้นถนน ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ล่าสุด ทั้งในส่วนของเพลาขับหน้าชุดคลัทช์และเฟืองท้ายซึ่งมีการระบายความร้อนด้วยน้ำและเสริมความแข็งแกร่งให้กับแผ่นจาน คลัทช์ภายใน เพื่อความนุ่มนวลในการส่งกำลัง รวมทั้งความทนทานในการรับภาระที่เพิ่มขึ้น ชุดคลัทช์ของเพลาขับหน้า ได้รับการปรับแต่งให้รองรับแรงบิด พร้อมส่งต่อได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ นอกจากนี้ ระบบ Porsche Traction Management (PTM) ยังเข้ามารับหน้าที่ควบคุมการกระจายแรงบิดของเพลาขับหน้า ให้มีความเหมาะสมในทุกสภาพเส้นทาง

ระบบช่วงล่างที่ให้ทั้งความนุ่มนวลและความปลอดภัย  

ระบบควบคุมการทำงานของโช้คอัพด้วยอิเล็กทรอนิกส์ Porsche Active Suspension Management (PASM) คือหนึ่งในอุปกรณ์มาตรฐานประจำตัวของปอร์เช่ 911 ทาร์กา ใหม่ (The new Porsche 911 Targa) ระบบดังกล่าวจะทำการปรับตั้งอัตราการตอบสนองของโช้คอัพโดยคำนึงถึงการขับขี่ที่นุ่มนวลและสมรรถนะการบังคับควบคุม ไปพร้อมกันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในขณะนั้นสามารถเลือกรูปแบบได้ถึง 2 ลักษณะ คือ Normal และ Sport ในส่วนของระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus) ซึ่งรวมอยู่ในชุดเฟืองท้าย electronic rear differential lock สามารถกระจายแรงบิดที่ส่งไปยังล้อขับเคลื่อนได้อย่างอิสระแน่นอนว่านี่เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์มาตรฐานที่ได้รับการติดตั้งลง ในรุ่น ทาร์กา 4 เอส (Targa 4S) และเป็นอุปกรณ์พิเศษที่สามารถสั่งติดตั้งเพิ่มเติมได้ในรุ่น ทาร์กา 4 (Targa 4) นอกจากนี้ ทาร์กา (Targa) ทุกรุ่น ล้วนได้รับการติดตั้งระบบ Porsche Wet mode เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เช่นเดียวกับ 911 เจอเนอเรชันที่ 8 ทุกคัน เซนเซอร์ของระบบดังกล่าวภายในซุ้มล้อหน้า ทำหน้าที่ตรวจจับปริมาณน้ำที่ขังอยู่บนพื้นถนน ในกรณีที่ปริมาณน้ำมีมากจนส่งผลต่อการบังคับควบคุม ผู้ขับขี่จะได้รับสัญญาณเตือนและคำแนะนำให้เปลี่ยนรูปแบบ การขับขี่ไปยัง Wet mode การตอบสนองของตัวรถจะปรับสภาวะต่างๆ เข้าสู่ระดับที่เน้นเสถียรภาพ และการยึดเกาะสูงสุด

ประสิทธิภาพการขับขี่สไตล์สปอร์ตของปอร์เช่ 911 ทาร์กา 4 (Porsche 911 Targa 4) ส่วนหนึ่ง จากยางรถยนต์สมรรถนะสูงขนาด 235/40 ZR บนล้ออัลลอยด์คู่หน้าขนาด 19-นิ้ว และยางขนาด 295/35 ZR บนล้อคู่หลังขนาด 20-นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับ รุ่น โฟร์ เอส (4S) ติดตั้งยางขนาด 245/35 ZR บนล้อคู่หน้า 20-นิ้ว และยาง 305/30 ZR บนล้อคู่หลัง 21 นิ้ว ในส่วนของระบบเบรก รุ่น ทาร์กา 4 (Targa 4) สยบความเร็ว ด้วยจานเบรกคู่หน้าขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 330-มิลลิเมตร พร้อมคาลิเปอร์เบรกโมโนบล็อก 4 ลูกสูบ สีดำ และปอร์เช่ 911 ทาร์กา 4 เอส (Porsche 911 Targa 4S) ประจำการด้วยคาลิเปอร์เบรกสีแดง ขนาด 6 ลูกสูบ ในล้อคู่หน้า และ 4 ลูกสูบในล้อคู่หลัง ประกบกับจากเบรกขนาดมหึมา เส้นผ่านศูนย์กลาง 350 มิลลิเมตร และยังสามารถเลือกสั่งติดตั้งระบบ Porsche Ceramic Composite Brake (PCCB) เป็นอุปกรณ์พิเศษเพิ่มเติมได้ตามต้องการ

หลังคาทาร์กา (Targa) สุดยอดงานออกแบบเรียบหรู ท้าทายกาลเวลา

รูปทรงภายนอกของปอร์เช่ 911 ทาร์กา (Porsche 911 Targa) ยังคงสะท้อนบุคลิกภาพงานออกแบบเป็นเอกลักษณ์ เฉพาะตัวของรหัสตัวถังเจเนอเรชันที่ 8 รหัสตัวถัง 992 เอาไว้อย่างครบถ้วนเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้าเห็นได้ชัดถึง แนวโค้งของซุ้มล้อรวมทั้งไฟหน้าแบบ LED ที่โดดเด่นยิ่งขึ้นเส้นสายของฝากระโปรงที่ดำเนินรอยตามงานออกแบบดั้งเดิม จากปอร์เช่ 911 (Porsche 911) รุ่นแรกตัวถังด้านท้ายขยายกว้างขึ้นสร้างสัมผัสทางสายตาที่หลากหลายด้วยสปอยเลอร์ หลังที่ซ่อนตัวแนบสนิทกลมกลืนกับแผง light bar หรูหรามีระดับส่วนประกอบของตัวถังทุกจุดผลิตขึ้นด้วยวัสดุอะลูมิเนียม เว้นไว้แค่เพียงชิ้นส่วนตัวถังด้านหน้าและด้านท้ายเท่านั้น

การตกแต่งภายในห้องโดยสาร แสดงออกถึงความเป็นยนตรกรรมสปอร์ตสายพันธุ์แท้ของปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า (Porsche 911 Carrera) โดยไม่มีขาดตกบกพร่อง ด้วยเส้นสายที่ชัดเจน สะอาดตา ไม่ว่าจะเป็นแผงคอนโซลหน้าหรือการจัดวาง ตำแหน่ง อุปกรณ์ต่างๆ และนี่คืออีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่ได้รับสืบทอดมาจากปอร์เช่ 911 (Porsche 911) ตั้งแต่ยุค 1970s แผงหน้าปัทม์ที่มีมาตรวัดรอบการทำงานของเครื่องยนต์อยู่บริเวณกึ่งกลางเอกลักษณ์ประจำตัวของปอร์เช่ทุกรุ่นประกบ  ด้วยหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ทั้ง 2 ฝั่งชุดสวิทช์ควบคุมจำนวน 5 ปุ่มอำนวยความสะดวกในการสั่งงานฟังก์ชันที่สำคัญ ของตัวรถติดตั้งบริเวณด้านล่างของหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 10.9 นิ้ว ซึ่งเป็นศูนย์กลางของระบบความ บันเทิงและติดต่อสื่อสาร Porsche Communication Management (PCM)

เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่วงการยนตรกรรมสปอร์ต ตั้งแต่ปี 1965

ปอร์เช่ 911 ทาร์กา 2.0 (Porsche 911 Targa 2.0 )  รุ่นปี 1965 นับเป็นรถสปอร์ตผู้บุกเบิกแนวทางใหม่ให้แก่วงการยานยนต์ ด้วยทิศทางการทำตลาดที่พิจารณาในแง่ของ "รถเปิดประทุนที่มีความปลอดภัยสูง ด้วยการปกป้องจาก anti-roll bar" นั่นคือต้นกำเนิดของ ทาร์กา (Targa) รถสปอร์ตเปิดหลังคารูปลักษณ์ใหม่ และหลังจากการปรากฎตัวของรถยนต์คัน นี้ไม่นาน แนวคิดในการพัฒนาดังกล่าว ได้กลายเป็นเอกลักษณ์ และสไตล์การออกแบบที่แตกต่างไม่เหมือนใคร ตราบจน ปัจจุบันปอร์เช่ยังคงมุ่งมั่นที่จะผสมผสานความยอดเยี่ยม 2 ประการเอาไว้ใน 911 ทาร์กา (911 Targa): นั่นคือความ อิสระเสรีเมื่อโลดแล่นไปบนรถสปอร์ตเปิดประทุนพร้อมกับอรรถประโยชน์ในการใช้งานประจำวันและความปลอดภัย       เช่นเดียวกับรถคูเป้หลังคาแข็ง

ปรากฎโฉมครั้งแรกของโลก ผ่านช่องทางออนไลน์ 9:11 Magazine web TV channel

นับเป็นครั้งแรกของบริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตสัญชาติเยอรมันสำหรับการเปิดตัวปอร์เช่ 911 ทาร์กา (Porsche 911 Targa) สู่สายตา สาธารณชนทั่วโลกอย่างเป็นทางการ ผ่านช่องทาง  web TV ของตนเอง โอกาสนี้ Dr. Frank-Steffen Walliser รองประธานกรรมการบริหาร ผู้กำกับดูแลส่วนงานรถสปอร์ต 911 และ 718 รับหน้าที่อธิบายรายละเอียดต่างๆ ของอุปกรณ์ ที่ได้รับการติดตั้งขึ้นใหม่ในตัวรถ เคียงข้างกับ Porsche Brand Ambassadors นักเทนนิสหญิงผู้มีชื่อเสียง Maria Sharapova  และนักแข่งรถมืออาชีพ Joerg Bergmeister รับชมได้ที่ https://911-magazine.porsche.com

ราคาจำหน่าย

ปอร์เช่ 911 ทาร์กา ใหม่ (The new Porsche 911 Targa)  พร้อมรับคำสั่งซื้อแล้ววันนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูม ปอร์เช่ บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ทุกสาขา

ติดตามภาพประกอบเนื้อข่าวได้จาก Porsche Newsroom (http://newsroom.porsche.com)

อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้รับการตรวจสอบตาม มาตรฐานสากล ที่สอดคล้องกับวิธีการ Light Vehicle Test Procedure (WLTP) ล่าสุด สำหรับค่าอัตราการบริโภคน้ำมัน เชื้อเพลิงเฉลี่ยตามมาตรฐาน NEDC ที่ระบุในบทความนี้ใช้อ้างอิงได้เฉพาะสภาพการทดสอบในช่วงเวลาเดียวเท่านั้น         ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับค่าการตรวจวัดอัตราบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยของ NEDC ที่ได้จากวิธีการอื่นใด ก่อนหน้าการทดสอบนี้

เกี่ยวกับ AAS Auto Service

ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่าง เป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการ ทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามี จำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญ ในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส ทุ่มงบการอบรมวิศวกร ของเราให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า “AAS The Name you can Trust” ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี

HTML::image(